ไม่ต้องหวานเหมือนแรกเริ่ม....แต่ขอให้เป็นเหมือนเดิมตลอดไป
มีทฤษฏีของความรักข้อหนึ่ง...
เขาบอกเอาไว้ว่า "ผู้ชายจะรักผู้หญิงจากร้อยมาถึงศูนย์"
ขณะที่ "ผู้หญิงจะรักผู้ชายจากศูนย์ถึงร้อย"
...นั่นเป็นทฤษฏี "รักในแนวดิ่ง"
อธิบายได้ว่า...ผู้ชายมักจะมอบหัวใจและทุ่มเทให้กับความรักอย่างเต็มที่ในช่วงแรกเท่านั้น หากเมื่อวันเวลาผ่านไป ความรัก (โดยเฉพาะการแสดงออก) กลับลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ กระทั่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (หรือบางที...แม้แต่กล้องจุลทรรศน์ส่องมองแล้วก็ยังไม่อาจเห็น) ตรงกันข้ามกับผู้หญิง...ที่มักจะค่อยๆ มอบหัวใจและทุ่มเทให้กับความรักในระดับบันไดเลื่อนขาขึ้น คือจะค่อยๆ มากขึ้น...และมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งสบตาก็รู้ไปถึงความในใจ (หรือบางที...แค่คุยโทรศัพท์กัน ไม่ได้เห็นหน้ากัน ก็ยังสัมผัสได้ถึงความห่วงใยทางน้ำเสียง)
ทฤษฏีข้อนี้ไม่เคยได้รับการพิสูจน์อย่างจริงจังในทางวิชาการ แต่ในทาง "ความเชื่อ" นั้น...เรา...โดยเฉพาะผู้หญิงส่วนใหญ่นั้นเชื่อว่า "จริง" แต่สำหรับฉันนั้น...ฉันยึดเอาทฤษฏี "รักในแนวระนาบ" เป็นที่ตั้งในหัวใจ รักแบบไม่ต้องแสร้งหวาน รักแบบไม่ต้องพยายามเอาใจ รักแบบเป็นปกติที่ห่วงใยแล้วเอาใจใส่ และรักเหมือน "เพื่อน...ที่จะจับมือกัน ไว้ไปจนสุดปลายทางของชีวิต"
เพื่อนของฉันบางคน เคยถามอย่างไม่เข้าใจในแนวคิดของฉัน เธอสงสัยว่า "รักในแนวระนาบ" จะให้ความสดชื่นกับหัวใจได้อย่างไร ในเมื่อมันราบเรียบ สม่ำเสมอ ไม่มีอะไรหวือหวา ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์ ซึ่งความรักแบบนี้ไม่น่าตอบโจทย์ให้กับหัวใจของผู้หญิงได้
เพราะยังไง
"คนรัก" ก็คือ...คนรัก
มันสะกดและให้ความหมาย
ต่างกันจาก คำว่า "เพื่อน"
"แล้วกับเพื่อน...เธอไม่ใช้คำว่า "รัก" หรือไง"
แน่ล่ะ...เป็นใครก็คงเถียงฉัน
เพราะคำว่า "รักเพื่อน" กับ "รักแฟน"
มันย่อมต่างกันอยู่แล้ว
แต่ถ้าหากว่ารักแฟนแล้วต้องเกรงใจกันในทุกเรื่อง ต้องปิดบังความเป็นตัวของตัวเอง ต้องแกล้งทำเป็นพูดเพราะ ต้องทะเลาะกันบ่อยๆ เพียงแค่เรื่องเขาไม่ว่างรับโทรศัพท์ของเรา
แบบนี้...ฉันว่า "ความรัก" ก็คงไม่ต่างอะไรจากการ "ซื้อของ" เพียงแต่เราเปลี่ยนจากการ "ใช้เงิน" แลกเปลี่ยนมาเป็นใช้ "หัวใจ" ที่ถ้าหากเขาไม่มีอะไรให้เรา เหมือนที่เราให้เขา เราก็จะมองว่ามัน ผิดกฎ ซึ่งนั่น...ไม่ใช่กฎของฉัน
กฎของฉันมีเพียงข้อเดียวคือ "เหมือนเดิม" มันอาจจะแปลก หากเทียบกับผู้หญิงทั่วไป แต่ฉัน...เป็นผู้หญิงประเภทที่ชอบผู้ชายตรงกับใจ แรกเจอกันอาจจะมีถ้อยคำหวานบ้าง เพื่อให้รู้ว่าเรารู้สึก "พิเศษ" ต่อกันมากกว่าเพื่อน แต่ก็ไม่ใช่ถ้อยคำหวานแบบที่เห็นได้กลาดเกลื่อนในนิยายรักโรแมนติก แต่ในระยะทางที่คบหาดูใจกัน การเปิดเผยความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นนิสัยใจคอ ความชอบ และความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะข้อเสียที่เราและเขามี นั่นต่างหากที่สำคัญสำหรับฉัน
และสำคัญ...ที่จะต้องเป็นอย่างนั้น...ตลอดไป ถ้าฉันรับในทุกข้อดีและข้อเสียของเขาได้ และเช่นกันที่เขารับฉันได้ ฉันจะรักเขาเหมือน "เพื่อน...ที่จะจับมือกันไว้ไปจนสุดปลายทางของชีวิต"
"แล้วกับเพื่อน...เธอไม่ใช้คำว่า "รัก" หรือไง"
"แต่คำว่า "รักเพื่อน" กับ "รักแฟน" มันต่างกันนะ"เพื่อนแย้งฉันกลับมา
"ใช่ ฉันไม่เถียงหรอกว่าเพื่อนกับแฟนต่างกัน เพราะเพื่อนไม่ได้เป็นคนที่ฉันจะอยู่บ้านหลังเดียวกันไปตลอดชีวิต แต่เพื่อน...ก็เป็นคนที่ฉันจะคบไปตลอดชีวิต ดังนั้น...ไม่ว่าเพื่อนหรือแฟน แม้จะมีความพิเศษต่างกัน แต่ฉันก็ใช้คำว่า "รัก" ในความหมายเดียวกันนั่นแหละ รัก...ที่จะรักกันไปตลอดชีวิตไง"
เพราะอย่างนี้...แม้ว่าฉันกับแฟนจะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน แม้ว่านับครั้งไม่ถ้วนที่อีกฝ่ายจะไม่ได้รับสายเพราะงานยุ่ง แม้ว่าเราจะบอกกันตรงๆ เมื่อเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายใส่มามันไม่เข้ากับบุคลิก แม้ว่าเขาจะเป็นคนปากร้าย แม้ว่าฉันจะเป็นคนเอาแต่ใจ ฯลฯ
แต่เพราะเราเป็นตัวของตัวเองมาเสมอ
...และเราก็รักกันเสมอ
เราจึงไม่เคยรักกันบนความ "คาดหวัง"
และสำหรับฉัน...
การรักใครสักคนได้โดยไม่ต้องมีความคาดหวังใดใด...
นั่นเป็นความรักที่หัวใจของฉัน ปรารถนา อย่างที่สุดแล้ว
ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก สำนักพิมพ์อักขระบันเทิง