ทั้งนี้เกิดจากปัจจัยต่างๆ รวมทั้งเรื่องของแฟชั่นที่ได้รับอิทธิพลจากดารา นักร้อง นักแสดง หรือแม้กระทั่งนักกีฬาชื่อดัง
การใช้เครื่องประดับสำหรับผู้ชายนั้น มีมาตั้งแต่สมัยอดีต และสามารถจำแนกเครื่องประดับผู้ชายออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ เครื่องประดับที่เน้นการใช้งานเป็นหลักใหญ่ เช่น รองเท้า นาฬิกา หมวก เครื่องประดับกึ่งการใช้งาน เช่น เข็มกลัด กระดุม (Stud) ชนิดต่างๆ คัพ ลิงก์ พิน ไท ไทคลิป นาฬิกาพก รวมทั้งสร้อยคอทองคำ หรือสร้อยโลหะในสมัยโบราณ และเครื่องประดับเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว เช่น เลสข้อมือ สร้อยคอ แหวน ต่างหู กำไล ตุ้มจมูก (ของชาวอินเดียตะวันออกและยุโรป)
การเลือกใช้เครื่องประดับผู้ชาย ต้องเลือกให้เหมาะกับสไตล์ตัวเอง รูปร่าง และเหมาะกับกาลเทศะ เช่น ผู้ชายที่มีรูปร่างบึกบึนออกแบบเนเจอรัลหรือสปอร์ตตี คือ ออกแนวนักกีฬา การเจาะหู หรือส่วนอื่นๆ ในร่างกายเพื่อฝัง Stud ตามร่างกายก็ดูเหมาะสมดี แต่ถ้าหากผู้ชายที่มีรูปร่างบอบบางดูไม่เหมาะเท่าไหร่ รวมทั้งผู้ชายออกแนวคลาสสิกด้วย ผู้ชายสไตล์คลาสสิกเหมาะกับคัพ ลิงก์ที่ใส่เข้ากับเชิ้ตที่สุภาพ
ส่วนผู้ชายที่มีรูปร่างเล็กๆ จะดูดีมากหากใส่เครื่องประดับเป็นต่างหูเล็กๆ สักคู่หนึ่ง ในทางกลับกันผู้ชายที่มีรูปร่างใหญ่จะไปสวมเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ อย่างเช่น ต่างหู ก็ดูไม่ค่อยเข้ากัน เช่นเดียวกับผู้ชายผิวเข้มไม่เหมาะกับเครื่องประดับที่ทำจากทอง
ผู้ชายออกแนวโรแมนติก ให้เลือกนาฬิกาพกที่มีโซ่ล่ามมาสู่เสื้อนอกหรือรังดุม ส่วนผู้ชายที่ออกแนวดรามาติก เหมาะมากกับการใส่เครื่องประดับมีลักษณะวูบวาบอย่าง เช่น เดวิด เบคแฮม ซึ่งเหมาะสมมากกับต่างหูเพชร ด้วยมาดที่ดูเป็นพระเอกตลอดเวลาอย่างนั้น
นอกจากดูให้เหมาะกับสไตล์และรูปร่างของตัวเองแล้ว ที่ลืมเสียไม่ได้คือการดูหน้าที่การงานด้วย อย่างเช่น ผู้ที่มีอาชีพเป็นแพทย์ ผู้บริหารระดับสูงหรือนักการเมือง คงดูไม่เหมาะนักกับการสวมต่างหู
ด้วยการเพิ่มขึ้นของการใช้เครื่องประดับในกลุ่มผู้ชายนี้ ทำให้นักออกแบบ ดีไซเนอร์มากมาย เริ่มเจาะกลุ่มตลาดเครื่องประดับผู้ชายมากขึ้น หลังจากให้ความสนใจกับการออกแบบเครื่องประดับสำหรับผู้หญิงมานาน จึงทำให้มีการสร้างแบรนด์สำหรับผู้ชายโดยฉพาะ เพิ่มมากขึ้นทั่วทุกมุมโลก
เกรเกอร์ โครลล์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ร่วมทุน แพรนดา แอนด์ โครลล์ ผู้นำด้านเครื่องประดับชายในเยอรมนี ได้กล่าวว่า ได้เล็งเห็นศักยภาพที่แข็งแกร่งในการเพิ่มยอดขายเครื่องประดับชาย และเครื่องประดับในกลุ่ม cai Jewels สำหรับผู้ชาย จึงได้เปิดตัว Baldessarini แบรนด์เครื่องประดับชายแบรนด์ใหม่ได้รับการผลิตภายใต้ลิขสิทธิ์จาก Baldessarani GmbH ในมิวนิก ซึ่งเป็นแบรนด์แฟชั่นชายยอดนิยมที่ ฮูโก บอสส์ ตั้งขึ้นในปี 1993
“แบรนด์นี้ขยายสินค้าไปยังกลุ่มเครื่องประดับตกแต่งและสินค้าไลฟ์สไตล์ รวมถึงน้ำหอมผู้ชายซึ่งเป็นที่นิยม และเมื่อไม่นานมานี้เราก็เพิ่งทำข้อตกลงลิขสิทธิ์กับ Rodenstock GmbH เพื่อผลิตแว่นตา Baldessarani อีกด้วย ซึ่งแบรนด์นี้เป็นแบรนด์สินค้าชายหรูหรา ที่สนับสนุนแฟชั่นด้วยจิตวิญญาณ และเราคิดว่าน่าจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก”
เขาเชื่อว่าการสร้างแบรนด์เป็นวิธีที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จในตลาดปัจจุบัน และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแบรนด์ดังกล่าว เขาได้เน้นการออกแบบเครื่องประดับให้มีลักษณะที่เน้นความกระฉับกระเฉง ความทันสมัย และการผสมผสานข้ามวัฒนธรรมและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ยอดขายเติบโตได้มากยิ่งขึ้น
อีกตัวอย่างหนึ่งคือแบรนด์เครื่องประดับเงินยอดนิยมจากอิตาลี ฟรังโก ปาเนจอนดา ได้เปิดตัวเครื่องประดับผู้ชายที่มีชื่อว่า Character โฆษกบริษัทกล่าวว่า ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เครื่องประดับชายมีศักยภาพสูงในการเพิ่มยอดขายและกำลังมุ่งส่งเสริมการขายสินค้าเหล่านี้ในอิตาลี รวมถึงตลาดของเราในยุโรป รัสเซีย และบราซิล ซึ่งรูปแบบเครื่องประดับก็มีทั้งเครื่องประดับเงินและเครื่องประดับเงินกับทอง บางแบบประดับด้วยอัญมณี และแต่ละชิ้นก็มีแนวทางการออกแบบที่ต่างกัน และมีชื่อที่บ่งบอกถึงบุคลิกแบบต่างๆ ของผู้ชาย ชุดเครื่องประดับ ประกอบด้วย สร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน และเครื่องประดับดั้งเดิม เช่น กระดุมแขนเสื้อ และเข็มกลัดเนกไท
อย่างไรก็ตาม การเลือกเครื่องประดับผู้ชายนั้นก็ควรคำนึงถึงความเหมาะสม และบุคลิกภาพเป็นสำคัญ เพราะเครื่องประดับนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยในการเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้สวมใส่ และสร้างความโดดเด่นและดึงดูดแก่ผู้พบเห็น ดังนั้นหากจะซื้อเครื่องประดับสักชิ้น ขอแนะนำว่าควรที่จะพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเครื่องประดับที่มีราคาสูงก็ควรเลือกเครื่องประดับที่มีใบรับรองคุณภาพจากสถาบัน หรือหน่วยงานที่มีมาตรฐานเชื่อถือและได้รับการยอมรับในระดับสากล