ความสุขริมทาง
ถึงแม้ว่าเราจะไม่แน่ใจนักว่า
พรุ่งนี้รถจะติดน้อยกว่าเก่าหรือไม่ มลพิษในอากาศจะลดลงแค่ไหน สายน้ำจะน่าอาบน่าว่ายเพียงใด และป่าจะเพิ่มกว่าเดิมจริงหรือ กระนั้นก็ตาม ๓๖๕ วัน ข้างหน้าก็คงต้องมีเรื่อง น่าอภิรมย์อยู่บ้างไม่มากก็น้อย สำคัญอยู่ตรงที่ว่า เราจะช่างสังเกตหรือรู้จักมองหรือไม่ ถึงอากาศกรุงเทพฯ จะไม่น่าสูดเพียงใด
แต่ทุกเช้าดวงอาทิตย์ที่โผล่ลังเหลี่ยมตึกยอดอาคารก็ยังน่าชื่นชมมิใช่หรือ ริมตึกหรือข้างกำแพงเก่า ก็ยังมีตะไคร่เขียวสดและแผ่นมอสคอยทักทายเราทุกครั้งที่เดินผ่าน หวังอยู่แต่ว่าเราจะไม่เอาแต่หลับหูหลับตาเดิน หรือหมกมุ่นครุ่นคิดกับแผนการ จนไม่มีเวลาเปิดใจสัมผัสสิ่งงดงามข้างทาง
ถึงเราจะตีตัวออกห่างจากธรรมชาติเพียงใด
แต่ธรรมชาติก็ยังไม่ไปไหน หากยังเฝ้าติดตามเราอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน รุ่งอรุณมีดวงอาทิตย์ ค่ำคืนมีดวงจันทร์และดวงดาว แม้แสงไฟจะแรงกล้าเพียงใด แต่ก็ยากจะบดบังเรามิให้เห็นแผ่นฟ้าในคืนเดือนมืดได้ บางวันหากปิดไฟ และลองจุดเทียนดูบ้าง บางทีจะได้สัมผัสความลึกล้ำบางอย่างที่อยู่รายรอบตัวเรา แต่เราก็ต้องลงแรงช่วยธรรมชาติบ้าง
จะคอยให้ธรรมชาติตามปลอบประโลมเราแต่ฝ่ายเดียวก็ดูจะใจจืดใจดำเกินไป อย่างน้อยก็เจียดเวลาช่วยหมู่ไม้ให้ได้แพร่พันธุ์บ้าง รดน้ำพรวนดินให้ต้นไม้ได้เติบใหญ่และออกลูกออกหลานเต็มกระถาง และถ้ามีที่ ก็อย่างลืมเอาลงดิน
เพื่อให้หมู่ไม้ได้ซึมซับพลังชีวิตจากผืนดิน ยามท้อแท้ท้อถอย ความเขียวสดใสของใบไม้คงเติมเรี่ยวแรงให้แก่จิตใจของเราได้มากทีเดียว ใบไม้ที่ผลิบาน หน่ออ่อนที่แทงยอดพ้นดิน และดอกตูมที่เตรียมเบ่งบานอย่างเต็มที่ในรุ่งเช้า
ความสุข
ที่มีอยู่อย่างเปี่ยมล้นในตัวเรา ขอเพียงแต่เราได้ร่วมมือกับธรรมชาติเท่านั้น พลังนฤมิตจะพลันส่งผ่านจากมือเรา และให้กำเนิดชีวิตใหม่ ๆ แก่โลกรายรอบตัวเรา
ชีวิตมิได้มีแต่สิ่งเลวร้าย โลกมิได้มีแต่บาดแผลของธรรมชาติ หากยังคอยเปล่งประกายแห่งความสดใสให้เราได้สัมผัสทุกเมื่อเชื่อวัน ขอเราเปิดใจรับสัมผัสแห่งธรรมชาติบ้าง เมื่อสุขบังเกิดขึ้นในใจคุณค่าแห่งธรรมชาติก็ยิ่งประจักษ์ชัด เมื่อนั้นการพิทักษ์รักษาธรรมชาติก็ปรากฏ เพราะธรรมชาติที่แท้นั้นเริ่มต้นที่ใจเรา
ขอขอบคุณ
ข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก พระไพศาล วิสาโล