โรคร้ายและโรคแปลกที่เกิดขึ้นมาให้เราผวากัน ที่จริงก็ไม่ใช่จู่โจมเราไม่ให้สุ้มเสียง หากแต่เป็นเพราะเราปล่อยตัวให้เป็นรังรับเชื้อเองต่างหาก
ก่อนจะเกิดเหตุใหญ่ใดขึ้นมาย่อมมีสัญญาณเตือนขึ้นมาก่อน เป็นต้นว่าก่อนเกิดสึนามิก็ต้องมีปลาน้ำลึกหนีตายขึ้นมาเกยตื้นกัน หรืออย่างเวลาใกล้จะดับจิตใบหน้าจะผุดผ่องเป็นยองใยดังที่โบราณเรียกว่า “หน้าขึ้นนวล” หรือบางท่านที่ป่วยหนักก็อาจจู่เกิดมีแรงกำลังขึ้นมานั่งกินนั่งพูดกันได้อีกก่อนจะทรุดหนักลงในวันในพรุ่งแล้วก็ลาโลกไป
ในส่วนของโรคร้ายและโรคแปลกที่เกิดขึ้นมาให้เราผวากันอย่างตอนนี้เหมือนกันที่จริงก็ไม่ใช่มันจู่โจมเราไม่ให้สุ้มเสียงหากแต่เป็นเพราะเราปล่อยตัวให้เป็นรังรับเชื้อเองต่างหาก พอร่วมกับการตรวจทันสมัยที่จับเชื้อโรคได้อยู่หมัดเป็นตัวๆ นี้เลยทำให้ดูเหมือนว่ามีเชื้อน่ากลัวมาแอบซุ่มทำร้ายเราอยู่รอบตัวซึ่งที่จริงไม่ใช่ดังนั้นเลย
ก่อนเกิดโรคร้ายในกายเรา มันมักจะฟักตัวเริงร่าอยู่ในตัวเรามาพักหนึ่งแล้ว ครับไม่ใช่ว่าจะอยู่ดีๆ ผุดขึ้นมาเหมือนผีจับยัดได้ ดังตัวอย่างที่เห็นชัดคือโรคมะเร็ง กว่าที่จะมาโตใหญ่เป็นก้อนคลำได้นี่มันต้องผลัดลูกสร้างหลานมาแล้วนับล้านตัวจนวิ่งวุ่นเข้าไปในเส้นเลือดเราได้แล้วจึงได้โผล่เป็นก้อนใหญ่ขึ้นมาให้ได้เห็น จึงสังเกตได้ว่าเมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็งตอนเห็นก้อนมันก็มักจะลามไปไหนต่อไหนแล้ว ที่จริงมันก็ให้สัญญาณเรามาก่อนไม่น้อยนะครับแต่บางทีเราถูกงานรัดตัวหรือขอผลัดไม่สนใจไว้สักชั่วขณะหนึ่ง แต่เพียงไม่นานมันก็อาจเติบใหญ่จนเกินควบคุมได้
สัญญาณเตือนภัยนี้ท่านสามารถใช้สังเกตตัวเองก็ได้หรือคนรอบข้างก็ได้ไม่ยากเลยครับ
1. เบื่ออาหาร
2. ผอมลงผิดปกติ(น้ำหนักตัวลดมากกว่า 2 กิโลกรัมต่อเดือน)
3. หงุดหงิดง่าย อารมณ์ปรวน
4.ปวดเมื่อยตัวน่ารำคาญ
5.มึนศีรษะแบบไม่สดชื่น
6.มีไข้หนาวๆ ร้อนๆ
7.หน้าตาหูดูแดงก่ำฉ่ำราวกับมีความร้อนระอุอยู่ภายใน
สรุปง่ายๆ ว่าถ้าจู่ๆ มีความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเกิดขึ้นไม่ว่าจะทางกายหรือแม้แต่อารมณ์จิตใจก็ตามทีแสดงว่าต้องมี “เหตุ” ไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องหา “ผู้ร้าย” รายให้เจอโดยเร็วอย่าปล่อยให้ซ่องสุมผู้คนมาตีท้ายครัวเราแล้วท้ายสุดก็สุดที่จะแก้ นอกจากนั้นการแก้ปัญหาเมื่อเกิดโรคร้ายขึ้นทุกครั้งหาใช่การวิ่งโร่ไปหาโรงพยาบาลไม่ เพราะบางทีสถานพยาบาลก็เป็นแหล่งรวม “ดาวร้าย” หลายโรคกว่าที่เรานึกถึงนัก ถ้าเราพากายที่กะปรกกะเปลี้ยอ่อนแอเหลือหลายไปหาอาจเท่ากับพาตัวไปเป็นบ้านหลังใหม่ให้เชื้อเข้ามาเกาะ
ขอให้รู้เถิดครับว่านอกจากตัวเราเป็นหมอที่ดีที่สุดให้ตัวเองได้แล้ว บ้านที่รักของเราก็ยังเป็นโฮมสวีทโฮมสำหรับการรักษาอาการเจ็บป่วยได้ดีกว่าโรงพยาบาลไหนๆ อีกด้วย
ดังนั้นต่อไปยามป่วยไข้หรือคนใกล้ตัวไม่สบายขอให้มั่นใจในศักยภาพของตัวเรานะครับที่เขาจะต้องทำหน้าที่ของเขาแน่เหมือนที่ลอร์ดเนลสันเคยบอกลูกประดู่อังกฤษก่อนเข้าทำยุทธนาวีกับนโปเลียนว่า “England confides that every men will do his duty” ที่เหลือก็คือหน้าที่ของท่านในการคอยเฝ้า “ทำหน้าที่” สังเกตตัวเองเช่นกัน ขอท่านที่รักเพียงแค่ “ตื่นตัว” แต่ไม่ต้อง “ตื่นกลัว” นะครับ แค่เงี่ยหูฟังแล้วท่านจะได้ยินเสียงกายร้องได้ชัดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ครับ
กรุงเทพธุรกิจ