ลองของ
"ต๊อด" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ้านผีสิง การได้ไปเที่ยวบ้านผีสิงในสวนสนุกนั้นเป็นเรื่องที่แสนจะสุขสันต์หรรษา ผมก็เลยหลงผิด คิดว่าการเข้าไปอยู่ในบ้านผีสิงจริงๆ มันจะได้อรรถรสแบบนั้น เปล่าเลยครับ...ผมเกือบเอาตัวไม่รอดแน่ะ!
ผมกับผองเพื่อนก็มีพฤติกรรมเหมือนกับวัยรุ่นทั่วไปสมัยนี้ ที่คิดว่าในโลกช่างมีเรื่องท้าทายให้เราได้เล่นสนุกกันมากมายเหลือเกิน การไปลองของในบ้านผีสิงก็เป็นความสนุกสุดขีดอีกอย่างหนึ่ง ที่ใช้ประลองความกล้าแกร่ง พอๆ กับการโดดบันจี้จัมพ์จากยอดผาสูงลิ่ว เรารู้กันมาว่า ที่บ้านหลังหนึ่งในย่านรามคำแหงเคยมีฆาตกรรมสุดโหด! "สาวใช้ถูกฆ่าตายตอนนายไม่อยู่ ไปต่างประเทศ"
ไอ้ป้อมเพื่อนซี้ของผมบอกว่า "ตั้งแต่นั้นนะ จะมีคนเห็นผีผู้หญิงแต่งชุดนอนขาวๆ เดินไปเดินมาในบ้าน บางทีก็ออกมายืนนอกระเบียง...เฮี้ยนน่าดูเลยว่ะ!"
พวกเราตกลงใจใช้บ้านนี้เป็นจุดทดสอบความกล้า และเราก็ไปที่นั่นกันห้าคนโดยตกลงว่าจะใช้เวลาทั้งคืนให้เข้าไปอยู่ในบ้านทีละคน...ต้องอยู่เพียงคนเดียวนะครับ! และกำหนดเวลาว่าต้องให้ครบหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะออกมา และให้คนถัดไปเข้าไปบ้าง ห้าทุ่มตรงถึงสองยามเป็นเวลาของเจ้าป้อม!
ฟังดูไม่ค่อยน่ากลัวใช่ไหมครับ เพราะสำหรับพวกเราแล้ว สองยาม ตีหนึ่ง เป็นเวลาที่ราตรียังเยาว์นัก แต่ช่วงห้าทุ่มถึงสองยามนี่แหละที่เขาเชื่อกันว่า สาวใช้ผู้น่าสงสารถูกฆ่า ที่ห้องนอนใหญ่ชั้นบน เพราะพวกโจรมันลากเธอให้ไปชี้ตู้เซฟ แล้วมันก็รัดคอจนขาดใจตายบนเตียงนอน
เราไปส่งเจ้าป้อมถึงในบ้าน และให้มันขึ้นบันไดฝ่าความมืดไปยังห้องนอนใหญ่ตรงจุดเกิดเหตุ จากนั้นเราสี่คนก็ลงมานั่งเล่นอยู่ริมรั้วหน้าบ้าน เจ้าป้อมจะต้องจุดเทียนที่ขอบหน้าต่างห้องนอนใหญ่ให้เราเห็น และดับเทียนก่อนจะลงมาด้วย
ในที่สุด นาฬิกาพวกเราก็บอกเวลาสองยามตรง! เราแหงนมองขึ้นไปเห็นเปลวเทียนถูกเป่าให้ดับลง จากนั้นก็เป็นตาของผมละครับ...สองยามถึงตีหนึ่ง ยอมรับว่าผมใจระทึก ขณะเดินสวนกับป้อมตรงประตูกระจกบานเลื่อนนั้น
นัยน์ตาผมคงฝาดเพราะเห็นใครแต่งชุดขาวๆ เดินตามมันมา แต่พอเพ่งดูก็ไม่มีอะไร ถึงอย่างนั้นก็เล่นเอาผมเสียศูนย์ไปไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทีของเจ้าป้อมที่ดูแปลกๆ มันเงียบขรึม ครุ่นคิดเหมือนไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง หรือมันจะแกล้งให้ผมกลัวเป็นการข่มขวัญ?
ผมถือเทียนเดินฝ่าความมืดเข้าไปในบ้านร้าง แสงไฟถนนส่องเข้ามาทำให้พอจะเห็นสภาพทรุดโทรมภายใน... กลิ่นอับชื้นและอากาศที่เย็นวูบวาบพิกล ทำให้ผมขนลุกซ่า แต่กลัวเพื่อนจะหาว่าขี้ขลาด ปอดแหก! เลยต้องทำใจแข็ง บอกกับตัวเองว่าในโลกนี้ไม่มีผีหรอกน่ะ...เราหลอกตัวเองทั้งนั้น! แข็งใจอีกแค่หกสิบนาทีก็จะนำมาซึ่งเกียรติภูมิและภาคภูมิใจแล้ว
ผมก้าวขึ้นบันไดพลางสูดหายใจลึกๆ ประตูห้องเปิดอ้าอยู่เหมือนกำลังคอยผม...แล้วผมก็ก้าวเข้าไป! ห้องนอนนี้กว้างมาก หรือเป็นเพราะความมืดก็ไม่รู้ที่ทำให้ดูเวิ้งว้าง หัวเตียงใหญ่ตั้งชิดผนังด้านหนึ่ง มองดูแล้วเตียงก็อยู่ตำแหน่งกลางห้อง ด้านปลายเตียงเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง มีกระจกบานเบ้อเร่อ...ผมมองกระจกแล้วรู้สึกหลอนน่าดู ถอนหายใจยืดยาว...ก่อนจะเดินไปจุดเทียนแล้วปักลงขอบหน้าต่าง แล้วโบกมือให้เพื่อนสี่คนข้างล่าง...
ทันใดนั้น พวกมันก็โวยวายลั่น ชี้มือมาที่ผม...เอ๊ะ! ไม่ใช่สิ! มันทำท่าเหมือนเห็นอะไรอยู่ข้างหลังผม และบอกให้ผมรีบออกจากที่นั่น!
ท่าทางตื่นกลัวของพวกมันทำให้ผมชาวาบ ขนหัวลุกตั้ง ตัวแข็งทื่อไม่กล้าหันไปมอง ทำได้อย่างเดียวคือคว้าเทียนแล้วหลับหูหลับตาวิ่งลูกเดียว...ผมกลัวอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่วิ่ง...วิ่ง...และวิ่งเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด!
พอลงมาข้างล่างได้ก็หาทางออกไม่เจออยู่ตั้งนาน ผมลนลานเหมือนคนบ้าจนหลุดออกมาได้ แล้ววิ่งแน่วไปหาเพื่อนๆ ที่ริมรั้ว พวกมันแทบไม่รอผม ต่างคนต่างเผ่นไปขึ้นรถ...ผมกระโจนตามมันชนิดไม่กลัวแข้งขาหัก แล้วเจ้าป้อมก็ขับออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็วเหมือนติดปีกบิน สิ่งที่พวกมันเห็นที่หน้าต่างคือผู้หญิงผมยาว ยืนแนบชิดหลังผม...แถมเอามือโอบไหล่ผมไว้อีกต่างหาก
เข็ดจริงๆ ครับ ตั้งแต่นั้นมาแม้แต่บ้านผีสิงในสวนสนุกผมก็ไม่กล้าเข้า! บรื๋อออ...