ทำอย่างไรดี...เห็นใจว่าเพื่อนทุกข์...แต่ก็ทนรับฟังปัญหาทุกวันไม่ไหว
คุณอาจจะต้องขอโอกาสที่จะพูดกับเพื่อนของคุณตรง ๆ ว่า…
ตอนนี้คุณมีสภาพไม่ต่างอะไรจากกระดาษซับ คือซับทุกอย่างที่เพื่อนพูดอยู่ทุกวัน...จนเพลียและละเหี่ยใจเพราะถึงคุณจะยินดีรับฟังแค่ไหน...แต่ตอนนี้กระดาษซับนั้นซับจนใกล้จะเปื่อยยุ่ยแล้ว...และต้องการโอกาสที่จะตากแห้งบ้าง จริง ๆ คุณนั้นยินดีที่จะรับฟัง...แต่บางครั้งคุณยังไม่แข็งแรงพอ...จึงซับเรื่องราวทั้งหลายไว้กับตัวเอง
สำหรับคนที่ต้องคอยให้คำปรึกษาคนนั้น...สิ่งที่ต้องจำไว้ก็คือ...ฟังได้...แต่ต้องไม่ซึมซับสิ่งที่ได้ฟัง เพราะถ้าคุณยังซึมทุกอย่างเหมือนกระดาษซับ...คุณก็จะช่วยเพื่อนได้อย่างไม่ยั่งยืน
กลับมาช่วยตัวคุณเองก่อนดีกว่าค่ะ
หาโอกาสปิดสวิตช์พักเสียบ้าง และหาเวลาให้ตัวเองได้เจริญภาวนา หรือสวดมนต์ทำสมาธิบ้าง เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ของตัวเองให้เป็นเหมือนกระจกใส ๆ …ด้วยการเช็ดออกทุกวัน...
อย่าเป็นกระจกที่มีโคลนมาแปดเปื้อน เพราะคุณจะหมองลงไปเรื่อย ๆ
ขอให้คุณรู้ว่า...การที่คุณกลับมาดูแลตัวเอง จะทำให้เพื่อนของคุณแข็งแรงไปด้วย แล้วเพื่อนของคุณก็จะรู้ว่า..ตัวของเขาเองก็ต้องขวนขวาย ต้องให้โอกาสเช่นนี้กับตัวเอง...ในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่างเพื่อให้พึ่งตัวเองได้บ้าง
เพราะฉะนั้น การพูดแบบตรงไปตรงมา...ก็ถือเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ที่ดีอีกอย่างหนึ่ง ถ้าคุณไม่พร้อมที่จะรับเพื่อนในเวลาที่เพื่อนต้องการคุณ คุณอาจต้องหาเวลาบอกเขาในขณะที่เขาพร้อม และบอกกับเขาตรง ๆ ว่า คุณกำลังไม่พร้อม
ขอให้เขาได้ฟังเราบ้าง...ไม่ต้องอาย ไม่ต้องกลัว...ว่าใครจะเห็นว่าคุณอ่อนแอไปหรือไม่
เพราะคนเรานั้น...เมื่อยังไม่ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ก็ย่อมจะมีความเสื่อมถอยได้
ฉะนั้น กล้าหาญที่จะพูดเถอะค่ะ เพราะความกล้าหาญของคุณก็จะเป็นความกล้าหาญของเพื่อนด้วย เพราะเขาจะได้รู้ และจะได้เกรงใจ และเพราะความที่เขาเกรงใจคุณ...เขาจึงฝึกฝนตัวเองได้มากขึ้น และคุณก็ต้องฝึกฝนตัวเองด้วย
อย่าลืมสวดมนต์ทุกวัน ทำสมาธิ รักษาจิตใจของคุณให้ร่าเริง ให้กายอยู่กับกิจ...จิตอยู่กับงาน...และเมตตาชีวิตของตัวเอง
การเข้าใจคนอื่น หรือเป็นผู้ที่จะให้คำปรึกษากับคนอื่นได้นั้น...ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินความสามารถเริ่มต้นจาก...การจัดใจของคุณ...เพื่อรู้จักจุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง อันจะนำไปสู่การเข้าใจคนอื่นมากขึ้น