ดวงตาสวรรค์ หินนี้เพื่อความรัก !?!

ทั้งวงกลมและลายเส้นของ หินทิเบต หรือคนที่เลื่อมใสศรัทธาเรียกว่า ดวงตาสวรรค์ นั้น กลายเป็นแฟชั่นที่คนปัจจุบันต้องมี ยิ่งใกล้วันวาเลนไทน์แบบนี้ สาวๆ หลายคนต่างหลงใหลในมนตราของหิน ด้วยเชื่อว่าหินจะนำมาซึ่งความรักที่สมบูรณ์

ยังไม่มีทราบแน่ชัดว่ามีมาอย่างไร คิม- ปณพัฒน์ ศิลปวาณิชย์ เจ้าของร้านมรกตแกลอรี่ ณ ริเวอร์ซิตี้ ผู้ศึกษาเรื่องราวของหินทิเบตมากว่า 19 ปี กล่าวว่า จริงๆ แล้ว ชื่อเต็มๆ ของหินทิเบต คือ CHUNG GZI BEAD (ชุง จีซี บีด) แต่คนสมัยนี้ มักเรียกเพี้ยนไปว่า DCI (ดีซี) ซึ่งไม่มีความหมาย

อาเกต หรือ หินควอตช์ชนิดหนึ่ง ในขณะที่ GZI หมายถึงกระบวนการทำให้เป็นรูปดวงตา แก้วที่เป็นรูปดวงตาก็จะเรียกว่า GZI เฉยๆ

คนทิเบตก็ยังมีความไม่แน่ใจว่าได้มาแต่อย่างใด แต่สมัยก่อนคนทิเบตส่วนใหญ่ที่พึงพอใจใคร ก็จะมอบให้กันเหมือนการให้พระพุทธรูป ผมสังเกตว่า ภูมิประเทศและภูมิอากาศของทิเบตนั้นหนาวเย็น ดังนั้น คนที่สร้างหินนี้มาจะใช้กระบวนการความร้อนแบบไหน ถึงสามารถหลอมหินให้เป็นลายได้ ทั้งๆ ที่แค่ต้มน้ำชงชาก็ใช้เวลาตั้งนาน และในตอนนั้นก็ไม่ใช่เฉพาะที่ทิเบตเท่านั้นที่มีหินนี้ คนเนปาล และ ภูฏานก็มี คิมตั้งข้อสังเกต

องค์ธารา (Tara) ผู้ปฏิบัติธรรมอยู่บนสรวงสวรรค์นั้น ได้มองด้วยทิพญาณมาเจอพื้นที่ของประเทศทิเบต และเห็นคนล้มตายด้วยโรคระบาด และความหนาวเย็นจากหิมะเป็นจำนวนมาก ท่านจึงทรงโปรยดวงตาสวรรค์ลงมาให้ชาวบ้าน และดวงตาสวรรค์นี้เมื่อตกลงมาจะติดตามกิ่งไม้ ถ้าชาวบ้านไม่ร้องตะโกนดังๆ มันก็จะมุดลงดิน หรือถ้าไปจับมันก็จะหายลงไปในพื้นดิน ซึ่งใครที่เก็บดวงตาสวรรค์ไว้จะไม่ติดโรคระบาด และรอดพ้นจากความหนาวเหน็บ

แต่ตอนนี้ผู้คนก็คลั่งไคล้ดวงตาสวรรค์จนกลายเป็นแฟชั่นกันแล้ว คิมเล่าถึงจุดเริ่มต้นของความนิยมในหินจีซีว่า เมื่อ18 ปีที่แล้ว มีคนไต้หวันนั่งเครื่องบิน และเครื่องบินลำนั้นตก ผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก แต่ชาวไต้หวันคนนี้รอด เมื่อคนไปถามเขา เขาก็บอกว่าไม่ได้ใส่พระเครื่องติดตัวเลย มีแต่ดวงตาสวรรค์ชิ้นนี้ที่ห้อยคออยู่ตลอด หลังจากเหตุการณ์นี้ปรากฏในข่าว ก็มีคนนิยมหินชนิดนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้น จึงเกิดกระแสทั้งหินของปลอมและหินของจริง มาจำหน่าย โดยผู้ซื้อเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่า อันไหนของจริง ของปลอม และของจริงควรมีระดับราคาประมาณไหน จริงๆ แล้ว ของจริงไม่มีเยอะขนาดนี้ ผมเดินทางทั้งในทิเบต เนปาลอยู่เป็นเดือน เจอของจริงซัก 10 เม็ดเอง แต่ของที่ทำขึ้นมาภายหลังมีเยอะมาก แต่ไม่ว่าของจริงหรือของปลอม ถ้าเรามีความเชื่อ มีกระบวนการล้างและมีมนตราที่กำกับลงไป จากนั้นก็อธิษฐานสิ่งที่เราปรารถนา

บางแห่งใช้จีโอษฐ์ ซึ่งเป็นกล่องหินที่ใช้ชำระล้าง หรือใช้ควันธูปปัดเป่า บางแห่งแนะนำให้ใช้น้ำล้างเป็นเวลา 3 นาที

แต่การมองหินทิเบตเพื่อให้รู้ว่าของจริงหรือเก่าแก่นั้น ต้องดูด้วยกล้อง โดยลักษณะลายของหินนั้น จะคล้ายผิวหนังของคน หรือถ้าเก่าแก่มากๆ จะมีจุดกลมๆ คล้ายเกล็ดปลา แซม ๆ อยู่ ถ้ามีลายเหล่านี้จะปลอมได้ยาก

ทีนี้ ก็ถึงเวลามาเลือกดวงตาให้เหมาะกับ คนที่ต้องหาค้นหาความรักกันแล้ว คิมเล่าประสบการณ์ของลูกค้าชาวต่างชาติที่เจอกับตัวเองให้ฟังว่า

ลูกค้าคนนี้เขาตกหลุมรักเพื่อนหญิงที่ไม่สนใจเขาเลย ผมก็เลยแนะนำให้เขาซื้อหินจีซีไป 2 ชิ้น อีกชิ้นหนึ่งให้กับผู้หญิงคนนี้ เมื่อปีที่แล้ว เขากลับมาร้านผม พร้อมผู้หญิงคนหนึ่งและแนะนำผมว่านี่คือแฟนสาวของเขา ซึ่งผมเองก็แอบกระซิบว่า ใช่ผู้หญิงคนที่คุณเล่าให้ผมฟังเมื่อปีก่อนหรือเปล่า เขาบอกว่าใช่ครับ ซึ่งตรงนี้ผมเชื่อว่า หินมันมีพลังของมันจริงๆ ก็ดีใจครับที่เขาบอกว่าตอนนี้เขามีคนรู้ใจแล้ว แต่คนที่ซื้อไปแล้วอกหักก็อาจจะมี เพียงแต่เขาไม่กลับมาเล่าให้ผมฟัง

ผู้ที่ศึกษาความโดดเด่นของดวงตาสวรรค์มาพอสมควร แนะนำว่า เราสามารถเลือกได้ว่า ลายไหนเป็นมงคลด้านไหน ทั้งการงาน ความรัก ชีวิต แต่ถ้าเป็นความรักต้องเป็นลาย 2 ตา ซึ่งจะนำพาความรัก ความอบอุ่นมาให้เจ้าของ คนที่เป็นโสดก็จะเจอเนื้อคู่ที่ดี เหมือนเป็นการสกรีนคนรักเข้ามาหาเรา

ปานแนะนำให้เลือกหินจีซี 2 ตา ประดับด้วยโรสควอตซ์ ซึ่งเป็นหินสีชมพู ถ้าใส่คู่กันจะเสริมในเรื่องความรัก ประสบการณ์ด้านความรัก เกิดกับตัวเอง เนื่องจากแฟนเป็นทหาร ก็จะไม่ค่อยกลับบ้าน จนมีปัญหา พอตอนหลังจึงเอาหินจีซีมาใส่ ความรักเราก็หวานชื่นขึ้น เขากลับบ้านตรงเวลามากขึ้น เรื่องนี้ไม่เชื่อก็น่าเชื่อ เพราะตัวพี่เองเป็นคนแข็งๆ ไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อใครอยู่แล้ว เราก็ทำตัวปกติ แต่เขาเองที่เปลี่ยนแปลงเพื่อความรักของเรา ปานกล่าว

ทำให้สามารถควบคุมอารมณ์สงบนิ่ง เกิดความโชคดีในเรื่องความรัก และช่วยสมานรอยร้าวในเรื่องความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และยังนำมาซึ่งความรอบรู้ ความอดทน และช่วยให้คู่รักได้รับความสุข ราบรื่น และทางแห่งสติปัญญา จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของหนุ่มๆ สาวๆ ที่ต้องการไขว่คว้าหารักจริง

ที่ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา พระพุทธเจ้านั้นกล่าวว่า อยู่ที่กรรม หรือการกระทำของเราเอง หากใครที่ต้องการความรักจากคนอื่น ควรถามตัวเองดูว่า คุณให้ความรักกับคนอื่นบ้างหรือยัง !?!

ขอขอบคุณข้อคิดนานาสาระ โดย: ผู้จัดการออนไลน์