ทำไมหมากฝรั่งถึงไม่ติดกับผิวหนัง
เป็นเพราะว่า พื้นผิวของสิ่งของ กับ พื้นผิวของผิวหนังคนไม่เหมือนกัน ผิวหนังของคนเรามีความยืดหยุ่น มีน้ำมัน มีเหงื่อเคลือบผิวอยู่ตลอด หมากฝรั่งก็เลยไม่ติด เหมือนกับที่ติดสิ่งของ นักวิจัยพัฒนาหมากฝรั่งรุ่นใหม่ ย่อยสลายง่ายไม่เหนียวติดหนึบ นักวิจัยเมืองผู้ดีเปิดตัวหมากฝรั่งรุ่นแรกของโลกที่ไร้ปัญหาความเหนียวหนืด เชื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะได้มาก เพราะแค่สายฝนตกโปรยปรายก็ทำให้หมากฝรั่งย่อยสลายหายไปจากพื้น พอกันทีปัญหาหมากฝรั่งติดรองเท้า เสื้อผ้า หรือแม้กระทั่งผม นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยบริสตอล อังกฤษ เผยว่า เรฟ 7 กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบด้านความปลอดภัยจากสหภาพยุโรป และคาดว่าจะออกจำหน่ายได้ต้นปีหน้าในราคาห่อละ 40 เพนนี (ราว 27 บาท) ปิดฉากความพยายามคิดค้นพัฒนาหมากฝรั่งที่ไร้ปัญหาความเหนียวหนืดที่ดำเนินมาถึง 25 ปี หมากฝรั่งที่จำหน่ายอยู่ทั่วไปมีส่วนผสมจากยางสังเคราะห์ ชอล์ก ขี้ผึ้ง น้ำตาล และสารปรุงรส โดยความเหนียวของหมากฝรั่งมาจากสารโพลิเมอร์ที่มีคุณสมบัติชอบน้ำมัน (hydrophobic) แบบเดียวกับที่ใช้ในยางรถยนต์ สำหรับเรฟ 7 นั้น นักวิจัยสร้างวัสดุใหม่เพิ่มลงไปทำให้ง่ายต่อการทำความสะอาดจากพื้นผิว วัสดุดังกล่าวทำจากโพลีเมอร์ที่มีคุณสมบัติทั้งชอบน้ำมันและชอบน้ำ (hydrophilic) คุณสมบัติแรกเพื่อให้สารชนิดนี้ผสมกับส่วนผสมอื่นได้ และคุณสมบัติที่สองเพื่อทำให้หมากฝรั่งไม่เหนียวหนึบ ย่อยสลายได้ด้วยกระบวนการธรรมชาติ ทั้งนี้ จากการทดลองพบว่า น้ำฝนสามารถชะล้างคราบหมากฝรั่งรุ่นใหม่ออกจากพื้นถนนได้อย่างง่ายดาย ดึงออกได้ทันทีจากพื้นรองเท้าบางประเภท ขณะที่พื้นรองเท้าบางประเภทอาจต้องใช้น้ำล้างออก ส่วนรองเท้าหนังต้องใช้ผงซักฟอกช่วย หรือถ้าติดบนศีรษะ ก็สามารถใช้เพียงแชมพูสระผมธรรมดาเท่านั้น ศาสตราจารย์เทอเรนซ์ คอสโกรฟ นักเคมีฟิสิกส์ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเรฟ 7 เสริมว่า จากการทดสอบด้านรสชาติโดยอาสาสมัคร 20 คน ซึ่งในจำนวนนี้ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านหมากฝรั่ง พบว่ารสชาติของเรฟ 7 ไม่แตกต่างจากมาตรฐานในอุตสาหกรรม ขณะนี้บริษัทเรฟโวลีเมอร์ ที่คอสโกรฟก่อตั้งขึ้นและเป็นเจ้าของสิทธิบัตรเรฟ 7 กำลังพัฒนาหมากฝรั่ง 2 รสคือ มินต์และมะนาว แต่เตรียมขยายไลน์ อาทิ หมากฝรั่งสำหรับผู้ติดกาแฟและบุหรี่ต่อไปในอนาคต นอกจากจะเป็นการเปิดตัวเข้าสู่ตลาดที่มีมูลค่าปีละ 400 ล้านปอนด์ (27,600 ล้านบาท) แล้ว ยังเป็นที่คาดหมายว่าเรฟ 7 จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาความสะอาดได้อย่างมาก โดยจากข้อมูลระบุว่า แต่ละปีอังกฤษต้องใช้เงินในการกำจัดคราบหมากฝรั่งจากสถานที่สาธารณะถึง 150 ล้านปอนด์ (10,350 ล้านบาท) นอกจากนั้น เศษหมากฝรั่งยังเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าเช่น ติดขน หรือทำให้สัตว์หายใจไม่ออกหากกลืนหมากฝรั่งเข้าคอ