เตือนพริกน้ำปลาภัยเค็มสะสม
อรพินท์ บรรจง จากสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงผลการลงพื้นที่ในการทำโครงการพัฒนาตำรับอาหารท้องถิ่นสำหรับผู้สูงอายุ ที่ต.ดอนแฝก อ.นครชัยศรี และ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม สนับสนุนโดยสำนัก งานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. พบว่าทางกลุ่มผู้นำชุมชนวางถ้วยพริกน้ำปลาไว้บนโต๊ะให้ผู้สูงอายุ แต่พริกน้ำปลานั้นไม่ได้จัดให้อยู่ในชุดอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุดังกล่าว และอาจเป็นอันตรายต่อผู้สูงอายุโดยไม่รู้ตัว
นางอรพินท์ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกให้รับประทานอาหารที่มีโซเดียมได้ไม่เกินวัน 1,400 มิลลิกรัม ซึ่งอาหารไทยส่วนมากจะมีรสจัด โซเดียมเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดมาก โซเดียมที่ใกล้ตัวมากที่สุดและคนมักมองข้าม คือ พริกน้ำปลา แทบจะเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการรับประทานอาหารของคนไทย เพราะจะเห็นว่าคนที่จะรับประทานอาหารมักจะคลุกเคล้าข้าวกับพริกน้ำปลา และเติมพริกน้ำปลาในอาหาร นอกจากนี้แล้วก่อนที่จะกินก๋วยเตี๋ยวก็มักจะเติมน้ำปลา น้ำตาล น้ำส้มสายชู ลงในไปชามก๋วย เตี๋ยวทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ชิมก่อนการปรุงเลยด้วยซ้ำ เรียกได้ว่า ขอให้ได้ใส่ให้ได้ปรุง รสชาติเป็นอย่างไรค่อยแก้ทีหลัง
การรับประทานอาหารรสเค็มมากๆ และบ่อยๆ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมองแตก โรคหัวใจ และไตวาย รวมทั้งโรคกระดูกพรุน ซึ่งผู้ที่เป็นโรคจะต้องระมัดระวังอาหารที่มีโซเดียมสูง เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในโรคที่เป็นอยู่ เพราะโรคดังกล่าวนี้เหมือนกับภัยเงียบที่ไม่บ่งบอกอาการให้ผู้ป่วยได้รู้ คนที่เป็นก็จะไม่รู้สึกว่าเป็นอะไร แต่เมื่อเป็นความดันสูงอยู่เรื่อยๆ เมื่ออายุสูงขึ้น ความยืดหยุ่นเส้นเลือดน้อยลง เส้นเลือดแข็งก็จะเปราะบาง เมื่อมีความดันสูงเรื่อยๆ ไม่สามารถคุมได้แล้วเกิดเส้นเลือดแตกตามจุดสำคัญต่างๆ แล้ว ก็จะทำให้เป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ กลายเป็นคนพิการ และเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
"คนวัยหนุ่มสาวที่ยังแข็งแรงก็ต้องระมัดระวังและควบคุมการรับประทานอาหารรสเค็มเช่นกัน เพื่อเป็นการป้องกันและไม่ให้เกิดการสะสมโซเดียมไว้ในร่างกายจนมากเกินไป ควรเลือกใช้เกลือหรือน้ำปลาสโลว์โซเดียมที่มีจำหน่ายตามร้านค้าต่างๆ มาปรุงรสเค็มให้อาหารแทนน้ำปลาทั่วๆ ไป น้ำปลาโลว์โซเดียมนี้จะเป็นโซเดียมที่ได้จากพืชจากผลไม้และมีปริมาณน้อยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ หรือจะงดคลุกข้าวกับพริกน้ำปลาแล้วใช้ความเค็มจากอาหารที่รับประทานควบคู่กันก็เป็นเรื่องใกล้ตัวที่จะลดโซเดียมได้ง่ายที่สุดอีกวิธีหนึ่ง" นักโภชนาการกล่าว