ความจำเป็นตามกาลเวลา
ในคราวคับขันต้องการคนกล้า
ในคราวต้องปรึกษาต้องการคนที่ไม่พูดพล่ามเพรื้อ ในคราวมีข้าวน้ำต้องการคนอันเป็นที่รักในคราวมีเรื่องหนัก (คดี) ต้องการบัณฑิต
ผู้ที่กล้าหาญย่อมไม่แสดงความกล้าอย่างพร่ำเพรื่อหรือก้าวร้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ออ่นกำลังกว่า แต่จะแสดงความกล้าให้ปรากฏเมื่อถึงคราวจำเป็น หรือเมื่อมีอันตรายเกิดขึ้นแก่ตน แก่พวกพ้อง แก่ผู้ที่ตนรับผิดชอบ แก่สังคมหรือแก่ประเทศชาติธรรมดาก็อยู่เฉยๆ เรื่อยๆ บางคนในบางคราวมีอาการเสมือนหนึ่งว่าเป็นคนขลาดด้วยซ้ำไป แต่เมื่อถึงคราวจำเป็นที่ต้องแสดงความกล้าหาญ เขาจึงแสดงออกมา ทาวกายบ้าง ทาววาจาบ้าง ไม่กลังแม้แต่การสูญเสียชีวิต ทรัพย์ ยศ และสิ่งอันพึงหวงแหนทั้งหลายในการต่อสู้ ผู้กล้าหาญแท้จริงย่อมไม่เอาเปรียบคู่ต่อสู้เท่าๆ กับตนหรือเหนือกว่าตน
ส่วนการพูดพล่ามเพรื้อเป็นลักษณะของคนอ่อนแอไม่รู้จักกาลเทศะและชุมชน
ในคราวปรึกษาหารือย่อมต้องการคนพูดที่เป็นกิจลักษณะไม่ให้เสียเวลามาก เข้าประเด็น ไม่พูดให้เฉออกนอกทาง ที่ปรึกษาหารือกันอยู่ บางคนชอบพูดเล่นตลกคะนองเสียงเรื่อยไป ในการประชุมต้องการกฏเกณฑ์ของการประชุม ไม่ใช่มีคนพูดแต่ไม่มีคนฟัง หรือใครอยากพูดอะไรก็พูดโดยไม่ต้องขอขอนุญาติ หรือได้รับการอนุญาติจากประธานในที่ประชุมเสียก่อน ถ้าเป็นเช่นนั้นวาระการประชุมก็ไม่มีระเบียบไม่เป็นที่ศรีสง่าแก่ที่ประชุมกลายเป็นการพูดเล่นของเด็กๆ แย่งกันพูดเสียงขรมไปหมด ในที่ประชุมหลายแห่งหลายกลุ่มบุคคลเป็นเช่นนี้
ในคราวมีข้าวน้ำต้องการคนอันเป็นที่รักข้อนี้เป็นธรรมดาของจิตใจคนที่มีของอันต้องใจก็ย่อมจะระลึกถึงคนอันเป็นที่พอใจ เป็นเหมือนๆ กันทุกคน ถ้าให้ได้ให้เผื่อแผ่คนอันเป็นที่รัก ตังผู้ให้ก็พอใจ ผู้รับ ถ้าใจตรงกันก็พอใจ
ในคราวมีเรื่องหนักย่อมต้องการบัณฑิต บัณฑิตคือผู้มีปัญญา ดำเนินชีวิตด้วยปัญญา เมื่อหนักใจไปหาท่านย่อมปลดเปลื้องความหนักใจให้ช่วยชี้แนวทางในการดำเนินชีวิตให้ ช่วยตัดสินใจในสิ่งที่เราลังเล ช่วยให้เราได้พบช่องทาง ซึ่งเรามองไม่เห็นก่อน คนทั้งหลายเมื่อมีปัญหาย่อมต้องการผู้รู้ ผู้ฉลาด
ขอขอบคุณ
ข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก หนังสือคติชีวิต
แต่งโดยวศิน อิทสระ