พาใจไปเที่ยว
พาใจไปเที่ยว
พอถึงวันหยุด ผู้คนมักมีนัดกับสถานที่แปลก ๆ ใหม่ ๆ ไกลจากชีวิตอันจำเจ สำหรับคุณ สถานที่ดังกล่าวอาจได้แก่ภูเขาสูง ทะเลกว้าง หรือป่าลึก ที่ที่คุณจะได้ชื่นชมกับทิวทัศน์อันงดงาม
สัมผัสกับบรรยากาศอ่อนละมุน และพิศวงกับนฤมิตกรรมของธรรมชาติ ได้ดูนก ตกปลา และอำลาอาทิตย์ยามอัสดง แต่ว่าวันนั้นยังมาไม่ถึง และคุณก็ยังต้องอยู่ในกรุง ผจญกับมลพิษ และฟันฝ่ากับจราจรอันจลาจลเช้าจรดค่ำต่อไป
ตื่นเช้าขึ้นมาเพียงแค่นึกถึงการดิ้นรนขับเคี่ยวกับชีวิตกลางกรุงก็เหนื่อยใจแล้ว แต่ไยต้องรอให้วันหยุดมาถึงแล้วจึงจะยิ้มออกได้ แม้ตัวยังอุดอู้อยู่ในกรุง แต่ใช่หรือไม่ว่าใจสามารถท่องเที่ยวที่ไหนก็ได้ตามปรารถนา ถึงจะยังไม่มีโอกาสพาตัวไปท่องธรรมชาติ แต่เราสามารถพาใจไปเที่ยวได้ทุกเวลา จะใกล้หรือไกล ก็ได้ทั้งนั้น
แทนที่จะนึกถึงสมรภูมิรบกันตั้งแต่เช้า จะไม่ดีกว่าหรือหากเราพาใจไปสัมผัสกับธรรมชาติอันรื่นรมย์ สร้างความสดชื่นให้จิตใจ จะได้มีพลังพร้อมรับกับสรรพสิ่ง
ตื่นเช้าขึ้นมา อาบน้ำแปรงฟันแล้ว ยืดเส้นยืดสายสักพัก แล้วนอนราบกับพื้น ปิดตา หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ สัก ๔-๕ ครั้งให้ชุ่มปอด จากนั้นก็หายใจอย่างเป็นธรรมชาติ ค่อย ๆ น้อมจิตไปอยู่ที่ลมหายใจ ปล่อยวางความคิดทั้งหลาย เก็บงานการและกำหนดนัดหมายเอาไว้ก่อน ให้จิตรับรู้แต่ลมหายใจที่เข้าออก ถ้าใจเผลอแล่นไปตามความคิดเมื่อไหร่ รู้ตัวก็ดึงกลับมาที่ลมหายใจ
เมื่อใจเริ่มสงบแล้ว ลองนึกว่าคุณกำลังอยู่กลางทุ่งหญ้าเขียวขจียามอรุณรุ่ง แสงทองทาทาบปุยเมฆ แล้วดวงอาทิตย์ดวงโตก็ค่อย ๆ พ้นขอบฟ้า หมอกลอยสูงขึ้นอย่างช้า ๆ แลเห็นนกบินแต่ไกล คุณหายใจรับเอาความสดชื่นยามเช้าเข้าไปเต็มปอด
แล้วเดินไปตามทางเล็ก ๆ จนถึงชายป่า เสียงนกร้องต้อนรับคุณขณะเดินเข้าไปในป่าครึ้ม ต้นไม้สูงใหญ่ยืนเรียงรายตามสองข้างทาง แผ่กิ่งก้านประสานกันเป็นซุ้ม ลำแสงลอดผ่านเป็นระยะ ๆ คุณเดินอย่างสงบ ได้ยินเสียงไก่ป่าขันอยู่ไม่ไกล สักพักก็ได้ยินเสียงลำธาร มีทางเล็ก ๆ พาคุณตัดผ่านป่าไผ่ทองเหลืองอร่าม เสียงน้ำกระทบหินดังชัดขึ้นเรื่อย ๆ
แล้วคุณก็มาถึงลำธารกลางป่า น้ำใสจนเห็นปลาแหวกว่าย คุณเลือกนั่งบนหินสีขาวกลางลำธาร เท้าเปลือยเปล่าสัมผัสน้ำเย็น ลมพัดมาต้องตัวเบา ๆ แล้วคุณก็ปิดตา จิตจดจ่อแต่ที่เสียงลำธาร .....น้ำไหลริน จิตนิ่งสงบ
ทีนี้ค่อย ๆ เปิดตา พาใจกลับมาสู่ห้องที่คุณนอนอยู่ ภารกิจต่าง ๆ กำลังรอคุณอยู่ข้างหน้า แต่ใจคุณตอนนี้ไม่เหนื่อยท้อหรือหนักอึ้งแล้ว เพราะได้รับพลังจากธรรมชาติในจินตนาการ ซึ่งที่จริงก็คือพลังแห่งความสงบจากจิตที่คิดในทางบวกนั่นเอง
ท่องเที่ยวทัศนาจรแบบนี้ คุณสามารถเลือกไปไหนก็ได้ วันนี้เที่ยวป่า พรุ่งนี้ลองไปท่องภูสูง มองเห็นทะเลเมฆทอดยาวสุดสายตา มะรืนก็ไปนั่งชายหาด ชมอาทิตย์ผุดขึ้นจากทะเลเรียบราวกระจก นี้เป็นวิธีหนึ่งในการเตรียมใจให้สดชื่นและพร้อมเผชิญกับชีวิตอันยุ่งเหยิง ใหม่ ๆ อาจจินตนาการได้ลำบาก แต่ทำบ่อยเข้า ก็จะนึกภาพได้ง่าย การใช้ดนตรีบรรเลงเบา ๆ เปิดคลอไปด้วย จะช่วยให้ใจสงบได้เร็วขึ้น และจินตนาการได้ดีขึ้น
การจินตนาการในทางบวกนี้นอกจากจะช่วยสร้างสุขภาพใจแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพกายด้วย บางวันแทนที่จะไปท่องเที่ยวนอกตัว ลองเที่ยวไปตามร่างกายของตัวเองบ้าง เริ่มจากเท้า ขา ขึ้นมาตามตัว ไปที่ตับ กระเพาะ ปอด หัวใจ ไหล่ แขน คอ ไล่ขึ้นไปถึงปาก จมูก ตา สมอง
ขณะที่ไล่ไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ให้นึกภาพว่ามีแสงนวลแผ่มาเพิ่มพลังให้แก่อวัยวะส่วนนั้น หรือจินตนาการว่ามลพิษต่าง ๆ กำลังถูกขับออกมา จะสร้างภาพว่าเซลเม็ดเลือดขาวกำลังขัดถูทำความสะอาดอวัยวะส่วนนั้นก็ได้
ถ้าอวัยวะส่วนไหนเจ็บป่วย ก็อาจจินตนาการว่าเลือดกำลังไปหล่อเลี้ยงดูแลอวัยวะส่วนนั้นอย่างเต็มที่ หรือจะนึกว่า "นีโอ" แห่งแม็ททริกซ์กำลังขับไล่ศัตรูตัวร้ายออกไปจากร่างกายก็ไม่ผิดกติกา
จะนึกภาพไปอย่างไรก็ได้แล้วแต่ความถนัด ขอให้เป็นไปในทางที่สร้างความเข้มแข็งแก่ร่างกาย และเยียวยาบำบัดส่วนที่เจ็บป่วย
วิธีนี้มีผลดีต่อร่างกายมาก แม้ดูไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็มีผลการวิจัยสนับสนุนมานานแล้ว ใจของเราเหมือนโทรทัศน์ตรงที่เปิดได้หลายช่อง ช่องที่ดูแล้วเครียดนอนไม่หลับ เราเปิดดูกันบ่อยแล้ว ไยไม่เปิดดูช่องที่ชวนให้สุขกายสบายใจกันบ้าง
ขอขอบคุณ : ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
โดย คุณรินใจ
budpage ดอทคอม