เรื่อง....รัก...
ความรักที่ไร้ค่า
"เขา" เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง
ที่ยังคงวิ่งไล่ตามความฝัน....และยังคงค้นหาตัวเอง
"เขา" เป็นเหมือนกับผู้ชายทั่วๆ ไป
ไม่อ่อนหวานแต่อ่อนไหว...ไม่แข็งแรงแต่แข็งกระด้าง
แสดงออกในสิ่งที่ตรงข้ามกับความต้องการของจิตใจ
ไม่พูดคำว่ารัก ไม่เคยแสดงออกว่า "เขา" รัก "เธอ"
สิ่งเดียวที่เขามีให้อย่างเสมอต้นเสมอปลายก็คือสายตา...และความจริงใจ
"เขา" คิดว่ามันน่าจะเพียงพอแล้ว...
และ "เธอ" ก็คงจะคิดเช่นเดียวกับ "เขา"
ทุกครั้งที่ "เขา" คิดถึงก็มักจะพูดแต่เพียงว่า "ก็แค่อยากคุยด้วย"
มันคงจะดีกว่านี้ถ้า "เขา" กล้าที่จะยอมรับกับความต้องการของหัวใจตนเอง
"เธอ" เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่ต้องการใครสักคน...
คนที่ "เธอ" รัก/และเป็นคนที่รัก "เธอ"
"เธอ" ยังคงเชื่อมั่นและศรัทธาในความรัก
และหวังว่าสักวันจะต้องเจอคนที่เกิดมาเพื่อกันและกัน
"เธอ" มักจะวางตัวนิ่ง ๆ เฉย ๆ เมื่ออยู่กับ "เขา"
ไม่เคยบอกว่ารู้สึกเช่นไร...
สิ่งเดียวที่ "เธอ" ทำได้และทำเสมอมาคือการรอ
รอให้ "เขา" เปิดโอกาสให้กับ "เธอ"
และกับตัว "เขา" เอง รอสักวันที่ "คนทั้งคู่" เปิดหัวใจให้แก่กันและกัน
"เธอ" หวังไว้เช่นนั้น..
หากแต่ "เธอ" เองก็ไม่เคยบอกเช่นกันว่าคิดถึง "เขา" มากมายเพียงไร
สิ่งที่ "เธอ" มักจะย้ำตลอดเวลา "รักษาสุขภาพมาก ๆ "
มันคงจะดีกว่านี้ถ้า "เธอ" จริงใจกับความรู้สึกของหัวใจเธอเอง
เรื่องของคนทั้งคู่นี้...ไม่มีตอนจบ...เพราะไม่มีตอนเริ่มต้น..
ทั้งคู่ยังคงดำเนินชีวิตต่อไปตามวิถีทางที่ควรจะเป็น
พบเจอกันเพื่อความสุขใจ...และเก็บเกี่ยวความรู้สึกดี ๆ เอาไว้
แต่ทั้งคู่ไม่สามารถจะรับรู้ถึงความรักที่ต่างคนมีให้กันได้
เพราะต่างคนต่างแอบซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง
ได้โปรดรับรู้ไว้เถิดว่า มนุษย์...มีตาไว้ดู....มีหูไว้ฟัง
มีหัวใจ.....เอาไว้รู้จักความรัก
ความรักที่ไม่สามารถแสดงให้หัวใจอีกดวงได้รับรู้
ก็เป็นแค่ความรู้สึกที่สูญเปล่า...เป็น"ความรักที่ไร้ค่า"
อย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป..จนไม่มีโอกาสที่จะแสดงความรัก
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความรักคือชีวิต และชีวิตก็สถิตอยู่ในหัวใจ
วันนี้คุณบอกรักใครรึยัง
ขอให้ความรักที่อยู่ในก้นบึ้งของจิตใจคุณทุกคน จงเบ่งบานและงอกงาม
เค้าว่ากันว่า...
1. เค้าว่ากันว่า . . . อ่านหนังสือสักเล่มต้องใช้เวลา เช่นเดียวกัน เราคงไม่รู้จักใครสักคนได้ดีตั้งแต่วันแรก
2. เค้าว่ากันว่า . . . อย่าตัดสินหนังสือดี ๆ แค่ปกมันสวย เช่นเดียวกัน คนหน้าตาดี อาจจะไม่ใช่คนดีเสมอไป
3. เค้าว่ากันว่า . . . คนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย ก็ใช่ว่าจะมีหนังสือเล่มแรกในชีวิตที่ชอบไม่ได้ เช่นเดียวกัน คนที่เราไม่คิดจะอยากรู้จัก อาจจะเป็นคนที่ดีที่สุดในชีวิตเราก็ได้
4. เค้าว่ากันว่า . . . การชอบหนังสือสักเล่ม ไม่ได้หมายความว่า หนังสือเล่มนั้น เนื้อหาดีทุกหน้า เช่นเดียวกัน การรู้สึกดีกับใครสักคน ไม่จำเป็นว่าเขาต้องไม่มีข้อเสียอะไรเลย
5. เค้าว่ากันว่า . . . อย่ารู้สึกเสียดายเวลา กับการอ่านหนังสือบางเล่มจนจบ แล้วพบว่าเป็นหนังสือที่ไม่ชอบ เช่นเดียวกัน จงรู้สึกดี กับการใช้เวลากับใครสักคนหนึ่งอย่างเต็มที่ แม้ว่าวันหนึ่งจะรู้ว่า เขาคนนั้นไม่ใช่เลยสักนิด เพราะอย่างน้อย ต่อจากนี้ไป เราจะได้เลือกทางที่ถูกและคนที่ใช่ซะที
หนังสือ. . .ความรัก
อย่าตัดสินหนังสือว่าดีแค่ปกสวยๆ...
อย่าบอกว่า...น่ารักเหลือเกินแค่คุยกันหนเดียว
คนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ..ใช่ว่าจะมีหนังสือเล่มแรกที ่ชอบไม่ได้
คนที่บอกว่าจะไม่แต่งงาน...มักแซงหน้าแจกการ์ดก่อนคน อื่นเสมอ
การชอบหนังสือสักเล่มก็ไม่ได้หมายความว่าหนังสือเล่ม นั้นเนื้อหาดีทุกหน้า
การรู้สึกดีกับใครสักคน...ไม่จำเป็นว่าเขาต้องไม่มีข้อเสียอะไรเลย
อย่าเสียดายเวลาถ้าอ่านหนังสือบางเล่มจบแล้วพบว่า... ไม่ใช่แบบที่ชอบ
จงรู้สึกดี..กับการใช้เวลากับใครสักคนหนึ่งอย่างเต็ม ที่
เพราะอย่างน้อยที่ผ่านมา ย่อมต้องมีช่วงเวลาที่มีความสุขอย่างแน่นอน แม้วันหนึ่งจะรู้ว่าเขาหรือเธอคนนั้นไม่ใช่เลยสักนิด
เพราะอย่างน้อยเราก็ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น
และพร้อมที่จะตามหาคนของเราต่อไป
การอ่านหนังสือสักเล่มต้องใช้เวลาเช่นเดียวกับที่... ..
เราไม่สามารถรู้จักใครสักคนได้ดีตั้งแต่วันแรก
หนังสือมีสิ่งต่างๆหลากหลายให้ศึกษา ทดลองอ่านดูก่อนที่จะตัดสินใจว่าน่าเบื่อ
บางครั้งสิ่งที่เราไม่เห็นประโยชน์และมองผ่านมันไป
วันหนึ่งมันอาจจะมีค่าสำหรับเรา
แล้วในตอนจบก็จะรู้ว่าหนังสือประเภทไหนเหมาะกับเราที ่สุด
เหมือนกับความรัก....
ทุกครั้งที่เรามีความรักกับใครสักคนนั้น
แม้ทุกอย่างจะเดินมาถึงจุดจบ แต่คนทั้งคู่ย่อมได้รับอะไรจากสิ่งต่างๆผ่านมาโดย
ไม่รู้ตัว อย่างน้อยที่สุดก็ได้บทเรียนที่มีค่าเพิ่มอีกบทหนึ่ง
บทเรียนที่จะนำไปสร้างความรักครั้งใหม่ให้มีนรากฐานที่ดีกว่าที่ผ ่านมา----------------------------------------------------------------------------------สวัสดีค่ะ คุณดูน่ารักจังเลย อยากออกไปเที่ยวกับฉันบ้างรึเปล่า..-
ชายหนุ่มวัย 18 คนหนึ่งกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็ง...
มะเร็งระยะสุดท้ายที่ไม่สามารถเยียวยารักษาให้หายได้อีกแล้ว
และก็พร้อมจะจากไปในทุกขณะ
เขาใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมาตลอด มีคุณแม่เป็นผู้ดูแล
แล้ววันหนึ่งเขาก็เกิดเบื่อหน่ายชีวิตประจำวันอันจำเจซ้ำซาก
อยากจะออกไปนอกบ้านสักครั้ง
เมื่อรับรู้ความในใจของบุตรชายเช่นนั้นแล้ว
ไหนเลยผู้เป็นมารดาจะไม่โอนอ่อนผ่อนตาม
เขาจึงมีโอกาสออกไปเดินเล่นละแวกบ้าน
ผ่านร้านค้ามากมาย...จวบจนพบร้านขายซีดีแห่งหนึ่ง
เขาก็ต้องหยุดชะงัก
จ้องมองเข้าไปในร้านแห่งนั้น..ที่นั่นเขาได้เห็นเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันคนหนึ่ง
และในทันใดชายหนุ่มก็แจ่มชัดอย่างยิ่งว่าเธอคือรักแรกพบของเขาที่อุบัติขึ้น
ณ.บัดนั้น
เขาเดินเข้าไปข้างในร้าน ขณะสายตาจับจ้องอยู่แต่เธอ
กระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอโดยไม่รู้ตัว
”จะให้ฉันช่วยอะไรได้บ้างคะ” เธอเอ่ยถามพร้อมกับส่งยิ้ม
ช่างเป็นรอยยิ้มที่หวานที่สุดเท่าที่เขาเคยสัมผัส
มันทำให้เขาอยากประทับริมฝีปากเธอในทันที
เขาตอบตะกุกตะกักออกไปว่า “เอ้อ ผมอยากได้ซีดีสักแผ่นครับ”
จากนั้นก็ทำทีหันไปเลือกซีดีได้แผ่นหนึ่ง
ก่อนจะกลับมาอยู่เบื้องหน้าเธออีกครั้งเพื่อชำระเงิน
”คุณอยากให้ฉันห่อกระดาษด้วยมั้ยคะ”
เธอถามพร้อมส่งยิ้มหวานมาให้ด้วยอีกหน เขาพยักหน้า
เธอจึงหันหลังไปจัดการให้จนเสร็จเรียบร้อยแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม
กลับมาถึงบ้านเขาจัดการเก็บแผ่นซีดีไว้ในตู้
เพราะไม่ได้สนใจบทเพลงในแผ่นซีดีแม้แต่น้อย
สิ่งที่เขาสนใจก็คือคนขายนั่นต่างหาก
หลังจากวันนั้นแล้ว ชายหนุ่มก็แวะเวียนไปที่นั่นเป็นประจำทุกวัน
ซื้อซีดีมาวันละแผ่นเสมอ พร้อมกับอนุญาตให้หญิงสาวห่อกระดาษทุกครั้ง
รวมทั้งเมื่อกลับมาบ้านก็เก็บมันไว้ในตู้เหมือนที่เคยปฏิบัติมา
เขารู้สึกขวยเขินที่จะชวนเธอออกไปเที่ยวด้วยกัน
ทั้งๆที่เบื้องลึกนั้นปรารถนาเหลือเกิน แต่ก็...ไม่กล้าพอ
เมื่อคนเป็นแม่รับรู้ในเวลาต่อมาท่านก็คะยั้นคะยอให้ลูกชายทำตามใจปรารถนาของตน
รุ่งขึ้นเขาจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมด ไปยังร้านนั้นอีกครั้ง
ซื้อซีดีหนึ่งแผ่นเหมือนวันก่อนๆ และระหว่างที่เธอหันหลังให้นั้น
เขาก็ตัดสินใจทิ้งเบอร์โทรศัพท์ของตนไว้บนโต๊ะก่อนวิ่งออกจากร้านไป
สองสามวันต่อมาคุณแม่ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์
จึงรับสายและพูดว่า “สวัสดีค่ะ”
หญิงสาวในร้านขายซีดีนั่นเองที่เป็นผู้โทรมา
เมื่อสาวน้อยถามหาคนเป็นลูกชาย ผู้เป็นแม่ก็เริ่มร่ำไห้ แล้วบอกว่า
”หนูคงไม่รู้หรอกว่า...เขาเพิ่งจากไปเมื่อวานนี้เอง”
ถัดจากนั้นเสียงจากคนถามก็คล้ายจะถูกปลิด
คงเหลือแต่เพียงเสียงสะอื้นเบาๆของผู้เป็นแม่...
ในวันนั้นเอง
ผู้เป็นแม่ก็เข้าไปในห้องของลูกชายเพื่อหวนระลึกถึงเขาอีกครั้ง...
เริ่มด้วยการสัมผัสเสื้อผ้าที่เขาเคยสวมใส่
และทันทีที่เปิดประตูตู้ ก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบซีดีที่ยังห่อกระดาษไว้
กองอยู่เต็มไปหมด คุณแม่เลือกหยิบมาแผ่นหนึ่ง
นั่งลงบนเตียงและเริ่มแกะออกดู
ทันใดนั้นก็มีกระดาษเล็กๆแผ่นหนึ่งหล่นลงมา...
คุณแม่หยิบมันขึ้นมาอ่าน
”สวัสดีค่ะ คุณดูน่ารักจังเลย อยากออกไปเที่ยวกับฉันบ้างรึเปล่า”
กระทั่งเธอแกะซีดีแผ่นถัดๆมา ก็ยังพบกระดาษแผ่นเล็กๆ
มีข้อความเช่นเดิม...... ----------------------------------------------------------------------------------อีกหน่อยเราก็ตายจากกัน..แล้วนะ
บางคนแอบรักเขา
ซุ่มเลิฟอยู่อย่างนั้น
ปล่อยให้ความรู้สึกที่ดีลอยไปหาคนอื่น
แต่กลับปล่อยให้ใจตัวเองเหลืออยู่แต่ความรู้สึกต่ำต้อยได้ทุกวัน
ทุกวัน ทุกวัน
บางคนกินทิฐิเป็นอาหาร เก๊กใส่กันไปวัน ๆ
ต่างฝ่ายต่างรอให้อีกฝ่ายง้อ คุณแน่ ผมแน่
งอนการกุศล
ประชดทำลายสถิติ เชิดหยิ่งชิงชนะเลิศ....นายบ้า
และอีกหลายคนนิยมกิจกรรม "ฆ่าเวลา" ชีวิตมันว่างจัด
ขนาดต้องฆ่าเวลากันเลย
บอกตรง ๆ เห็นแล้วอยากตบกบาล
เอ็งกำลังทำลายทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดที่มนุษย์ทุกคนพึงจะมี
อีกหน่อยเราก็ตายจากกัน..แล้วนะ
ลองคิดแบบนี้บ้าง ใช่แล้ว....เราจะเกิดความเสียดาย
เพราะเหลืออีกหมื่นแสนล้านที่เรายังไม่ได้ทำ
ตายได้ไง หากฝันไม่สำเร็จ
ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ยอมตาย
แต่ให้รีบทำทุกอย่าง ก่อนที่จะตาย ... ซึ่งจะเป็นวันไหนก็ไม่รู้
และในเมื่อเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
...
มาเตรียมการรอรับวาระสุดท้ายของเราดีกว่า
เอาแบบตายวันตายพรุ่งก็จะได้นอนตายตาหลับ
ใช้ชีวิตโดยคิดซะว่า....พรุ่งนี้ฉันจะตายแล้ว
ทำงานในสิ่งที่เรารัก เสมือนว่าเราจะไม่ได้ทำมันอีก
ตามความฝันของเราไปสุดโต่ง...ต้องรีบแล้ว
เดี๋ยวตายนะ...เตือนแล้วไง
รักให้หมดใจ บอกเขาไปทั้งหมดที่ความรู้สึกมี
ส่วนจะรักหรือไม่รักผม
ไม่สนว้อย...เพราะพรุ่งนี้ชั้น(อาจจะ) ตายแล้ว
ใช้เวลา (ที่อาจจะ) สุดท้ายที่มีต่อกันไว้
กอดกันเหมือนว่านี่เป็นกอดครั้งสุดท้ายของเรา
นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะอย่างน้อย ๆ
เราจะได้มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มตอนให้สัมภาษณ์ยมบาล
.......
คนข้างบ้านเดินแป้นแล้นมาบอกข่าวดี
ลูกสาววัย 23 กำลังจะแต่งงาน
ในมือมีซองสีชมพูพร้อมการ์ด ลูกสาวอยู่ต่างจังหวัดกับคู่หมั้น
แม่เลยต้องมาแจกการ์ดเอง
เมื่อกี๊ว่าที่เจ้าสาวเพิ่งโทรมาปรึกษาแม่เรื่องชุดแต่งงาน.........
หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง เธอตาย ......
แต่กว่าคนเป็นแม่จะรู้ข่าวร้าย ก็ปาไป 5 วัน
ซองในมือผม กลายเป็นเงินช่วยงานศพ ช่อดอกไม้ กลายเป็นพวงหรีด
และทั้งหมดกลายเป็นแรงบันดาลใจ ที่อยากจะบอก
ว่าอีกหน่อยเราก็ตายจากกัน ....
แล้วนะ
อ้าว....รู้งี้ยังจะมาอ้อยสร้อยอะไรกันอีก
รีบแยกย้ายไปใช้เวลาที่เราเหลืออยู่ไปทำทุกอย่างที่เรายังไม่ได้ทำ
เดี๋ยวตายซะก่อน....เสียดายแย่
หนังสือ. . .ความรัก
อย่าตัดสินหนังสือว่าดีแค่ปกสวยๆ...
อย่าบอกว่า...น่ารักเหลือเกินแค่คุยกันหนเดียว
คนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ..ใช่ว่าจะมีหนังสือเล่มแรกที ่ชอบไม่ได้
คนที่บอกว่าจะไม่แต่งงาน...มักแซงหน้าแจกการ์ดก่อนคน อื่นเสมอ
การชอบหนังสือสักเล่มก็ไม่ได้หมายความว่าหนังสือเล่ม นั้นเนื้อหาดีทุกหน้า
การรู้สึกดีกับใครสักคน...ไม่จำเป็นว่าเขาต้องไม่มีข้อเสียอะไรเลย
อย่าเสียดายเวลาถ้าอ่านหนังสือบางเล่มจบแล้วพบว่า... ไม่ใช่แบบที่ชอบ
จงรู้สึกดี..กับการใช้เวลากับใครสักคนหนึ่งอย่างเต็ม ที่
เพราะอย่างน้อยที่ผ่านมา ย่อมต้องมีช่วงเวลาที่มีความสุขอย่างแน่นอน แม้วันหนึ่งจะรู้ว่าเขาหรือเธอคนนั้นไม่ใช่เลยสักนิด
เพราะอย่างน้อยเราก็ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น
และพร้อมที่จะตามหาคนของเราต่อไป
การอ่านหนังสือสักเล่มต้องใช้เวลาเช่นเดียวกับที่... ..
เราไม่สามารถรู้จักใครสักคนได้ดีตั้งแต่วันแรก
หนังสือมีสิ่งต่างๆหลากหลายให้ศึกษา ทดลองอ่านดูก่อนที่จะตัดสินใจว่าน่าเบื่อ
บางครั้งสิ่งที่เราไม่เห็นประโยชน์และมองผ่านมันไป
วันหนึ่งมันอาจจะมีค่าสำหรับเรา
แล้วในตอนจบก็จะรู้ว่าหนังสือประเภทไหนเหมาะกับเราที ่สุด
เหมือนกับความรัก....
ทุกครั้งที่เรามีความรักกับใครสักคนนั้น
แม้ทุกอย่างจะเดินมาถึงจุดจบ แต่คนทั้งคู่ย่อมได้รับอะไรจากสิ่งต่างๆผ่านมาโดย
ไม่รู้ตัว อย่างน้อยที่สุดก็ได้บทเรียนที่มีค่าเพิ่มอีกบทหนึ่ง
บทเรียนที่จะนำไปสร้างความรักครั้งใหม่ให้มีนรากฐานที่ดีกว่าที่ผ ่านมา
----------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ คุณดูน่ารักจังเลย อยากออกไปเที่ยวกับฉันบ้างรึเปล่า..-
ชายหนุ่มวัย 18 คนหนึ่งกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็ง...
มะเร็งระยะสุดท้ายที่ไม่สามารถเยียวยารักษาให้หายได้อีกแล้ว
และก็พร้อมจะจากไปในทุกขณะ
เขาใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมาตลอด มีคุณแม่เป็นผู้ดูแล
แล้ววันหนึ่งเขาก็เกิดเบื่อหน่ายชีวิตประจำวันอันจำเจซ้ำซาก
อยากจะออกไปนอกบ้านสักครั้ง
เมื่อรับรู้ความในใจของบุตรชายเช่นนั้นแล้ว
ไหนเลยผู้เป็นมารดาจะไม่โอนอ่อนผ่อนตาม
เขาจึงมีโอกาสออกไปเดินเล่นละแวกบ้าน
ผ่านร้านค้ามากมาย...จวบจนพบร้านขายซีดีแห่งหนึ่ง
เขาก็ต้องหยุดชะงัก
จ้องมองเข้าไปในร้านแห่งนั้น..ที่นั่นเขาได้เห็นเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันคนหนึ่ง
และในทันใดชายหนุ่มก็แจ่มชัดอย่างยิ่งว่าเธอคือรักแรกพบของเขาที่อุบัติขึ้น
ณ.บัดนั้น
เขาเดินเข้าไปข้างในร้าน ขณะสายตาจับจ้องอยู่แต่เธอ
กระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอโดยไม่รู้ตัว
”จะให้ฉันช่วยอะไรได้บ้างคะ” เธอเอ่ยถามพร้อมกับส่งยิ้ม
ช่างเป็นรอยยิ้มที่หวานที่สุดเท่าที่เขาเคยสัมผัส
มันทำให้เขาอยากประทับริมฝีปากเธอในทันที
เขาตอบตะกุกตะกักออกไปว่า “เอ้อ ผมอยากได้ซีดีสักแผ่นครับ”
จากนั้นก็ทำทีหันไปเลือกซีดีได้แผ่นหนึ่ง
ก่อนจะกลับมาอยู่เบื้องหน้าเธออีกครั้งเพื่อชำระเงิน
”คุณอยากให้ฉันห่อกระดาษด้วยมั้ยคะ”
เธอถามพร้อมส่งยิ้มหวานมาให้ด้วยอีกหน เขาพยักหน้า
เธอจึงหันหลังไปจัดการให้จนเสร็จเรียบร้อยแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม
กลับมาถึงบ้านเขาจัดการเก็บแผ่นซีดีไว้ในตู้
เพราะไม่ได้สนใจบทเพลงในแผ่นซีดีแม้แต่น้อย
สิ่งที่เขาสนใจก็คือคนขายนั่นต่างหาก
หลังจากวันนั้นแล้ว ชายหนุ่มก็แวะเวียนไปที่นั่นเป็นประจำทุกวัน
ซื้อซีดีมาวันละแผ่นเสมอ พร้อมกับอนุญาตให้หญิงสาวห่อกระดาษทุกครั้ง
รวมทั้งเมื่อกลับมาบ้านก็เก็บมันไว้ในตู้เหมือนที่เคยปฏิบัติมา
เขารู้สึกขวยเขินที่จะชวนเธอออกไปเที่ยวด้วยกัน
ทั้งๆที่เบื้องลึกนั้นปรารถนาเหลือเกิน แต่ก็...ไม่กล้าพอ
เมื่อคนเป็นแม่รับรู้ในเวลาต่อมาท่านก็คะยั้นคะยอให้ลูกชายทำตามใจปรารถนาของตน
รุ่งขึ้นเขาจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมด ไปยังร้านนั้นอีกครั้ง
ซื้อซีดีหนึ่งแผ่นเหมือนวันก่อนๆ และระหว่างที่เธอหันหลังให้นั้น
เขาก็ตัดสินใจทิ้งเบอร์โทรศัพท์ของตนไว้บนโต๊ะก่อนวิ่งออกจากร้านไป
สองสามวันต่อมาคุณแม่ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์
จึงรับสายและพูดว่า “สวัสดีค่ะ”
หญิงสาวในร้านขายซีดีนั่นเองที่เป็นผู้โทรมา
เมื่อสาวน้อยถามหาคนเป็นลูกชาย ผู้เป็นแม่ก็เริ่มร่ำไห้ แล้วบอกว่า
”หนูคงไม่รู้หรอกว่า...เขาเพิ่งจากไปเมื่อวานนี้เอง”
ถัดจากนั้นเสียงจากคนถามก็คล้ายจะถูกปลิด
คงเหลือแต่เพียงเสียงสะอื้นเบาๆของผู้เป็นแม่...
ในวันนั้นเอง
ผู้เป็นแม่ก็เข้าไปในห้องของลูกชายเพื่อหวนระลึกถึงเขาอีกครั้ง...
เริ่มด้วยการสัมผัสเสื้อผ้าที่เขาเคยสวมใส่
และทันทีที่เปิดประตูตู้ ก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบซีดีที่ยังห่อกระดาษไว้
กองอยู่เต็มไปหมด คุณแม่เลือกหยิบมาแผ่นหนึ่ง
นั่งลงบนเตียงและเริ่มแกะออกดู
ทันใดนั้นก็มีกระดาษเล็กๆแผ่นหนึ่งหล่นลงมา...
คุณแม่หยิบมันขึ้นมาอ่าน
”สวัสดีค่ะ คุณดูน่ารักจังเลย อยากออกไปเที่ยวกับฉันบ้างรึเปล่า”
กระทั่งเธอแกะซีดีแผ่นถัดๆมา ก็ยังพบกระดาษแผ่นเล็กๆ
มีข้อความเช่นเดิม......
----------------------------------------------------------------------------------
อีกหน่อยเราก็ตายจากกัน..แล้วนะ
บางคนแอบรักเขา
ซุ่มเลิฟอยู่อย่างนั้น
ปล่อยให้ความรู้สึกที่ดีลอยไปหาคนอื่น
แต่กลับปล่อยให้ใจตัวเองเหลืออยู่แต่ความรู้สึกต่ำต้อยได้ทุกวัน
ทุกวัน ทุกวัน
บางคนกินทิฐิเป็นอาหาร เก๊กใส่กันไปวัน ๆ
ต่างฝ่ายต่างรอให้อีกฝ่ายง้อ คุณแน่ ผมแน่
งอนการกุศล
ประชดทำลายสถิติ เชิดหยิ่งชิงชนะเลิศ....นายบ้า
และอีกหลายคนนิยมกิจกรรม "ฆ่าเวลา" ชีวิตมันว่างจัด
ขนาดต้องฆ่าเวลากันเลย
บอกตรง ๆ เห็นแล้วอยากตบกบาล
เอ็งกำลังทำลายทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดที่มนุษย์ทุกคนพึงจะมี
อีกหน่อยเราก็ตายจากกัน..แล้วนะ
ลองคิดแบบนี้บ้าง ใช่แล้ว....เราจะเกิดความเสียดาย
เพราะเหลืออีกหมื่นแสนล้านที่เรายังไม่ได้ทำ
ตายได้ไง หากฝันไม่สำเร็จ
ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ยอมตาย
แต่ให้รีบทำทุกอย่าง ก่อนที่จะตาย ... ซึ่งจะเป็นวันไหนก็ไม่รู้
และในเมื่อเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
...
มาเตรียมการรอรับวาระสุดท้ายของเราดีกว่า
เอาแบบตายวันตายพรุ่งก็จะได้นอนตายตาหลับ
ใช้ชีวิตโดยคิดซะว่า....พรุ่งนี้ฉันจะตายแล้ว
ทำงานในสิ่งที่เรารัก เสมือนว่าเราจะไม่ได้ทำมันอีก
ตามความฝันของเราไปสุดโต่ง...ต้องรีบแล้ว
เดี๋ยวตายนะ...เตือนแล้วไง
รักให้หมดใจ บอกเขาไปทั้งหมดที่ความรู้สึกมี
ส่วนจะรักหรือไม่รักผม
ไม่สนว้อย...เพราะพรุ่งนี้ชั้น(อาจจะ) ตายแล้ว
ใช้เวลา (ที่อาจจะ) สุดท้ายที่มีต่อกันไว้
กอดกันเหมือนว่านี่เป็นกอดครั้งสุดท้ายของเรา
นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะอย่างน้อย ๆ
เราจะได้มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มตอนให้สัมภาษณ์ยมบาล
.......
คนข้างบ้านเดินแป้นแล้นมาบอกข่าวดี
ลูกสาววัย 23 กำลังจะแต่งงาน
ในมือมีซองสีชมพูพร้อมการ์ด ลูกสาวอยู่ต่างจังหวัดกับคู่หมั้น
แม่เลยต้องมาแจกการ์ดเอง
เมื่อกี๊ว่าที่เจ้าสาวเพิ่งโทรมาปรึกษาแม่เรื่องชุดแต่งงาน.........
หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง เธอตาย ......
แต่กว่าคนเป็นแม่จะรู้ข่าวร้าย ก็ปาไป 5 วัน
ซองในมือผม กลายเป็นเงินช่วยงานศพ ช่อดอกไม้ กลายเป็นพวงหรีด
และทั้งหมดกลายเป็นแรงบันดาลใจ ที่อยากจะบอก
ว่าอีกหน่อยเราก็ตายจากกัน ....
แล้วนะ
อ้าว....รู้งี้ยังจะมาอ้อยสร้อยอะไรกันอีก
รีบแยกย้ายไปใช้เวลาที่เราเหลืออยู่ไปทำทุกอย่างที่เรายังไม่ได้ทำ
เดี๋ยวตายซะก่อน....เสียดายแย่