โลกร้อนทำพิษ ก้อนน้ำแข็งนับร้อยลอยเข้าแดนกีวี

โลกร้อนทำพิษ ก้อนน้ำแข็งนับร้อยลอยเข้าแดนกีวี


        ผู้เชี่ยวชาญด้านธารน้ำแข็งของออสเตรเลีย ระบุ จนท.พบก้อนน้ำแข็งขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 200 เมตร จำนวน 100-200 ก้อน ลอยมุ่งหน้าสู่พื้นที่ชายฝั่งทางตอนใต้ ของนิวซีแลนด์..  


        เหตุภัยธรรมชาติผลพวงจากภาวะโลกร้อนนับวันยิ่งทวีความรุนแรง สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 23 พ.ย. อ้างการเปิดเผยของผู้เชี่ยวชาญด้านธารน้ำแข็งของออสเตรเลีย ระบุเจ้าหน้าที่พบก้อนน้ำแข็งขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 200 เมตร จำนวน 100-200 ก้อน ลอยมุ่งหน้าสู่พื้นที่ชายฝั่งทางตอนใต้ ของนิวซีแลนด์ 


        เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียกล่าวว่า กลุ่มก้อนน้ำแข็งชุดนี้แตกตัวออกจากก้อนน้ำแข็งขนาดประมาณ 30 ตารางกิโลเมตร ที่แตกออกมาจากน้ำแข็งขั้วโลกใต้ อีกที ซึ่งสาเหตุมาจากอากาศและน้ำทะเลในบริเวณขั้วโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นเนื่องจากภาวะโลกร้อน นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานตั้งแต่ปี 2549 แล้ว อย่างไรก็ตาม ทางการนิวซีแลนด์ได้ประกาศเตือนภัยไปยังผู้ที่ต้องการเดินเรือผ่านบริเวณทะเลดังกล่าวให้ใช้ความระมัดระวัง 


        ด้านกองทุนสัตว์ป่าโลก หรือดับเบิลยูดับเบิลยูเอฟ รายงานผลการศึกษาระบุว่าหากปัญหาโลกร้อนยังไม่ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว จะทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น 0.5 ถึง 2 องศาเซลเซียส ภายในปี 2593 ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นประมาณ 0.5 เมตร สร้างความเสียหายแก่เมืองท่าเรือสำคัญกว่า 136 แห่งทั่วโลก คิดเป็นมูลค่ากว่า 28 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 924 ล้านล้านบาท 


        ขณะเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานถึงความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมในรัฐกลันตันและตรังกานูของมาเลเซีย ระบุชาวบ้านกว่า 12,000 รายต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย หลังเกิดน้ำท่วมเนื่อง จากฝนตกหนักระลอกสอง ถนนหลายสายถูกตัดขาด บางพื้นที่เกิดเหตุดินถล่ม แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนภัยขั้นสูงสุด ให้ประชาชนเตรียมรับมือกับพายุที่กำลังก่อตัวในทะเลจีนใต้ และอาจพัดเข้าชายฝั่งตะวันออกในสัปดาห์หน้า 


        ทั้งนี้ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์กว่า 2,000 คน จาก 80 ประเทศ ที่ร่วมกันวิจัยสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึกมาเป็นเวลากว่า 10 ปี เปิดเผยงานวิจัยไขความลับก้นมหาสมุทร ลบล้างความเชื่อว่าก้นทะเลมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่น้อย โดยระบุว่าค้นพบสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ใต้ ทะเลลึก 200-5,000 เมตร ที่แสงแดดส่องไม่ถึงเป็นจำนวนกว่า 17,650 สายพันธุ์ อนึ่ง รายงานวิจัยฉบับเต็มนี้จะถูกเปิดเผยแก่สาธารณชนใน 4 ต.ค. 2553


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์