ส่วนชนเหล่าใดไม่เข้าไปผูกเวรไว้ว่า คนโน้นด่าเรา
คนโน้นได้ตีเรา คนโน้นได้ชนะเรา คนโน้นได้ลักสิ่งของๆ เรา ดังนี้
เวรของชนเหล่านั้นย่อมระงับ
....ในกาลไหนๆ เวรในโลกนี้ย่อมไม่ระงับเพราะเวรเลย
แต่ย่อมระงับเพราะความไม่จองเวร
ธรรมนี้เป็นของเก่า ก็ชนเหล่าอื่นไม่รู้สึกว่า
พวกเราย่อมยุบยับในท่ามกลางสงฆ์นี้
ส่วนชนเหล่าใดในท่ามกลางสงฆ์นั้น
ย่อมรู้สึก ความหมายมั่นย่อมระงับจากชนเหล่านั้น
....มารย่อมรังควาญบุคคลผู้มีปรกติเห็นอารมณ์ว่างาม
ผู้ไม่สำรวมแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย
ไม่รู้ประมาณในโภชนะ เกียจคร้าน มีความเพียรเลว
เหมือนลมระรานต้นไม้ที่ทุรพล ฉะนั้น
....มารย่อมรังควาญไม่ได้ซึ่งบุคคลผู้มีปรกติเห็นอารมณ์ว่าไม่งามอยู่
สำรวมดีแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย
รู้ประมาณในโภชนะ มีศรัทธา ปรารภ ความเพียร
เหมือนลมระรานภูเขาหินไม่ได้ ฉะนั้น
....ผู้ใดยังไม่หมดกิเลสดุจน้ำฝาดปราศจากทมะและสัจจะจักนุ่งห่มผ้ากาสายะ
ผู้นั้นไม่ควรเพื่อจะนุ่งห่มผ้ากาสายะ
ส่วนผู้ใดมีกิเลสดุจน้ำฝาดอันคายแล้ว
ตั้งมั่นแล้วในศีลประกอบด้วยทมะและสัจจะ
ผู้นั้นแลย่อมควรเพื่อจะนุ่งห่มผ้ากาสาวะ
....ชนเหล่าใดมีความรู้ในธรรมอันหาสาระมิได้ว่าเป็นสาระ
และมีปกติเห็นในธรรมอันเป็นสาระ ว่าไม่เป็นสาระ
ชนเหล่านั้นมีความดำริผิดเป็นโคจร
ย่อมไม่บรรลุธรรมอันเป็นสาระ
ชนเหล่าใดรู้ธรรมอันเป็นสาระ โดยความเป็นสาระ
และรู้ธรรมอันหาสาระมิได้ โดยความเป็นธรรมอันหาสาระมิได้
ชนเหล่านั้นมีความดำริชอบเป็นโคจร
ย่อมบรรลุธรรมอันเป็นสาระ
เจริญในธรรมครับ
ขอบคุณบทความจาก ธรรมจักร