ถุงมันหนักแค่ไหน
คุณครูคนหนึ่งบอกให้พวกเราหาถุงพลาสติคใสมาคนละใบ
แล้วก้อมันฝรั่งอีกคนละกระสอบ
แล้วให้เราเขียนชื่อคนที่เราโกรธมากถึงขนาดไม่ยอมให้อภัย ลงบนมันฝรั่งพร้อมทั้งวันที่
หนึ่งคน ต่อ หนึ่งหัวมันฝรั่ง แล้วเอาใส่ลงในถุงพลาสติคนั้น
โห .. บางคนนะ ถุงหนักอึ้งเชียว
จากนั้นคุณครูก็บอกให้เราเอาถุงใส่มันฝรั่งนั้น ติดตัวกับเราไปเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์
ให้วางไว้ข้างเตียงตอนนอน และก็ ที่เบาะนั่งข้างๆ เราในรถ แล้วก็วางไว้ข้างๆ โต๊ะทำงานด้วย
ความยุ่งยากวุ่นวายที่เราต้องแบกไอ้ถุงนี้ไปไหนต่อไหน ทำให้เราได้คิดว่าเราได้ " แบกเอาน้ำหนักเหล่านี้ติดตัวเราไปด้วยในใจ "
และเราก็ยังต้องคอยระวังตลอดเวลาที่จะไม่ลืมมันเอาไว้ให้คนอื่นเห็น
เมื่อเวลาผ่านไป มันฝรั่งก็เริ่มเน่า ส่งกลิ่น
ยิ่งเปรียบเทียบให้เราเห็นได้ชัดเจนถึงผลร้ายที่เกิดจากการเก็บอาการขุ่นแค้นชิงชังไว้กับตัว
บ่อยครั้งที่เราคิดว่าการให้อภัยคือของขวัญที่เรามอบให้กับคนอื่นๆ แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือการให้อภัย ก็คือของขวัญยิ่งใหญ่สำหรับตัวเราเองเช่นกัน
คราวหน้า .. หากว่าเราเกิดความคิดที่จะไม่ยอมยกโทษให้ใคร .. ลองถามตัวเองว่า
ถุงที่เราแบกอยู่นั้นยังหนักไม่พอหรือยังไง และเมื่อตอนที่เราสวดมนต์ภาวนา
ลองนึกดูว่ายังมีใครอีกบ้างที่เราไม่ยอมยกโทษให้ .. ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม
.. ยกโทษให้เขาเสีย ..
เพราะว่าเมื่อเรายกโทษให้คนอื่นได้ .. เราก็อาจจะได้รับความกรุณาจากพระเจ้าเบื้องบน .. ยกโทษให้กับบาปที่เราได้กระทำมาเช่นกัน
ขอบคุณสยามเซ้าท์