โปรยเสน่ห์ด้วยท่าเดินพลิ้วสะโพก

รูปร่างแบบนาฬิกาทราย คือ อกอวบเอวคอดสะโพกผาย เป็นที่ใฝ่ฝันของสาวๆ ทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะในซีกโลกตะวันตก ตัวอย่างดาราสาวชื่อดังหลายคนที่เป็นเจ้าของรูปร่างแบบนี้ เช่น มาริลีน มอนโรว์ สาวบียอนเซ่และเจนนิเฟอร์ โลเปซ


ความนิยมต่อรูปร่างเช่นนี้อาจเกิดจากสื่อนำเสนอ หรือผู้หญิงตะวันตกเองไม่จำเป็นต้องมีร่างกายกำยำบึกบึนเพื่อใช้แรงงานหาเลี้ยงชีพเหมือนผู้หญิงในประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย


แต่นักวิจัยมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ค้นพบว่า ผู้หญิงถึงจะมีรูปร่างเย้ายวนใจขนาดไหนก็ตามจะไม่น่าดึงดูดใจเลยถ้าไม่ได้มีท่าทางการเดินที่ถูกวิธี


งานวิจัยดังกล่าวตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ฉบับเดือนมีนาคม ระบุว่า นอกจากรูปร่างหน้าตาแล้ว ท่าทางการเดินเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับผู้หญิง โดยแนะว่าถ้าอยากทำให้น่าดึงดูดใจ ต้องเดินแบบผู้หญิงๆ นั่นคือ พลิ้วสะโพก ส่วนผู้ชายนั้นถ้าจะให้น่ามองต้องเดินอกผายไหล่ผึ่ง


นักวิจัยเก็บข้อมูลจากงานศึกษาหลายชิ้น รวมถึงการให้อาสาสมัครกว่า 700 คน ดูภาพวิดีโอการเดินของคนจำนวนมาก บางภาพดูไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย บางภาพเห็นชัด พบว่า ไม่ว่าข้อมูลจะเป็นแบบไหน อาสาสมัครจะลงความเห็นว่าผู้หญิง หรือคนที่น่าจะเป็นผู้หญิงที่เดินส่ายสะโพกมีเสน่ห์มากกว่า ส่วนผู้ชายต้องดูที่ไหล่


นอกจากนี้ ยังยืนยันสมมุติฐานเรื่องสัดส่วนเอวต่อสะโพกที่ว่า ผู้หญิงจะมีเสน่ห์ต้องมีเอวเล็ก สะโพกใหญ่ ส่วนผู้ชายที่มีเสน่ห์ต้องมีเอวพอๆ กับสะโพก


เคอร์รี จอห์นสัน และหลุยส์ ทัสซินารี ผู้นำการวิจัย กล่าวว่า งานวิจัยของพวกตนเสนอว่า เสน่ห์ไม่ได้ขึ้นกับความแตกต่างระหว่างเอวกับสะโพกเท่านั้น


"รูปร่างและการเคลื่อนไหวคือปัจจัยพื้นฐานที่กระตุ้นให้สังคมยอมรับ เพศสรีระและเพศสภาพ ก่อให้เกิดความเป็นชายหรือหญิงตามลำดับ ความเข้ากันได้ของกฎพื้นฐานเหล่านี้นำไปสู่การรับรู้เรื่องเสน่ห์"

อย่างไรก็ดี นักวิจัยระบุว่า ผลการค้นพบของพวกตนประยุกต์ใช้ได้กับวัฒนธรรมตะวันตกเท่านั้น ส่วนสังคมอื่นจะตัดสินเรื่องความมีเสน่ห์โดยใช้คุณสมบัติของความเป็นหญิงและชายที่โดดเด่นที่สุดของสังคมนั้นๆ


ดร.จอร์จ ฟีลด์แมน อาจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยบัคกิ้งแฮมเชียร์ ชิลเทิร์น กล่าวว่า งานวิจัยชิ้นนี้มีความเป็นไปได้ เพราะไม่ใช่แค่อัตราส่วนระหว่างเอวต่อสะโพกเท่านั้น แต่การเคลื่อนไหวทำให้เกิดเสน่ห์ มันจึงน่าสนใจว่า สัดส่วนและการแกว่งสะโพก อยู่บนพื้นฐานการผสมผสานอุดมคติแบบไหนเข้าด้วยกัน

สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย: