
รู้กันสักที ใคร...? ‘เพี้ยน’...!

เคยไหม? เวลาไม่พอใจอะไร มักทำเสียงดังตึงตัง เพื่อเรียกร้องความสนใจ พูดจากระทบกระแทกแดกดันคนใกล้ตัวเพื่อความสะใจ หรือแม้กระทั่งใช้เล็บข่วนกับคีย์บอร์ดให้เกิดเสียงดัง “แคร็ก แคร็ก” เหมือนอยากขย้ำศัตรูให้ตายต่อหน้า
หากพบว่าเคยทำอาการบางอย่าง ลองสำรวจตัวเองหรือคนใกล้ตัวดูสิว่า เข้าข่าย “เพี้ยน” หรือไม่ ?
ผศ.นพ.สเปญ อุ่นอนงค์ แพทย์ผู้รักษาอาการทางด้านจิตเวช โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เล่าให้ฟังว่า
จิตเวช เป็นกลุ่มอาการของผู้ที่มีความเจ็บป่วยทางจิตและพฤติกรรม แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มเพี้ยน (โรคจิตหรือบ้า) และกลุ่มไม่เพี้ยน โดยผลสำรวจจากทั่วโลกพบว่า เพศหญิงมีความเสี่ยงมากถึง 10-20 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่เกิดจนตายต้องเคยเป็นโรคซึมเศร้าอย่างน้อย 1 ครั้ง ส่วนเพศชายพบน้อยกว่าคือมีเพียง 5-10 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจาก เพศชายจะมีความเปลี่ยนแปลงของระบบฮอร์โมนเพศน้อยกว่าเพศหญิง
มาดูกลุ่มแรกกันก่อน สำหรับผู้ที่เข้าข่ายเพี้ยน จะไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรจริง-ไม่จริง มีอาการหลงเชื่อผิด ๆ แก้ด้วยเหตุผลไม่ได้ (Delusion) เช่น เชื่อว่ามีจระเข้อยู่ในท้อง แต่เมื่อตรวจดูจนทราบผลว่าไม่มีก็ยังไม่ยอมรับ และมีอาการประสาทหลอน หูแว่ว (Hallucination) เช่น ได้ยินเสียงพูดของคนที่ตายไปแล้วขณะที่กำลังรู้สึกตัว หรือเห็นภาพหลอนใกล้ตัว
ส่วนกลุ่มไม่เพี้ยน การแยกแยะว่าสิ่งไหนจริง-ไม่จริง จะยังดีอยู่ แต่มีอารมณ์แปรปรวน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
ไม่เพี้ยนแต่เป็นโรคซึมเศร้า ผู้ที่เข้าข่ายจะมีความรู้สึกเศร้า ไม่มีความสุข กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ชอบร้องไห้ อาการดังกล่าวจะเป็นอยู่นาน 6-12 เดือน เมื่อหายก็จะกลับเป็นปกติ และอีกกลุ่มเรียกว่า ไม่เพี้ยนแต่เป็นไบโพลาร์ (Bipolar) บางครั้งจะมีอาการเหมือนซึมเศร้า หรือมีอาการตรงข้ามกับซึมเศร้า คือ เฮฮา คึกคัก ก้าวร้าว สร้างความเดือดร้อน อารมณ์ทางเพศสูง มีอาการที่เข้าข่ายหรือทั้งหมดรวมกันนาน 3-6 เดือน แล้วจะหายเป็นปกติ
คุณหมอสเปญ ย้ำว่า กลุ่มไม่เพี้ยน จะมีอาการเพียงระยะเวลาหนึ่ง แต่หากมีอาการรุนแรง เรื้อรัง ก็อาจทำให้เกิดภาวะตัดสินใจบกพร่อง และพัฒนาจนเข้าขั้นเพี้ยนได้
นอกจากนี้ โรคเครียด ยังเป็นอีกโรคที่รวมอยู่ในกลุ่มไม่เพี้ยน ผู้ที่ขาดความมั่นใจ ไม่ชอบพึ่งพาตนเอง ไม่เข้มแข็ง ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ จัดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจเป็นโรคเครียดได้ง่าย
เครียดหรือไม่เครียด รู้ได้อย่างไร มาสำรวจกัน แต่บอกไว้ก่อนว่าหากมีอาการเพียง 1 ใน 3 ถือว่าเข้าข่ายโรคเครียดแล้ว เริ่มจาก รู้สึกเป็นทุกข์ทรมาน, ไม่สามารถทำงานหรือเรียนหนังสือได้, สร้างพฤติกรรมที่อาจเกิดผลเสียตามมา เช่น เครียดจนทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น ใช้เงินเกินตัวจนเป็นหนี้ ถ้าอาการเหล่านี้ยังคงอยู่ คิดไม่ตก แก้ไม่หาย การปรึกษาจิตแพทย์เป็นทางออกที่ดี ก่อนที่โรคเครียดจะแปรเปลี่ยนเป็น “โรคซึมเศร้า”
หากไม่อยากตกอยู่ในภาวะเครียด จนก่อให้เกิดอาการทางประสาท ทำได้ไม่ยากเพียงรู้ทัน “จิตใจ” ของตนเอง มองปัญหาให้ชัดเจนแล้วหาทางแก้ไข เพราะทุกปัญหามีทางออกเสมอ
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว