ใครจะคิดล่ะว่า สามีของติ๊ก คนที่เธอเคยรู้จักเห็นหน้ามานานกว่า 4 - 5 ปี แต่งงานอยู่ใกล้ชิดกับเขาอีก 2 ปี เขาเป็นผู้ชายที่แสนดีที่รักเธอมาก
แต่แล้ววันหนึ่งหลังจากท้องได้ 2 เดือน เธอก็ได้รู้ความลับที่ไม่เคยเปิดเผยของเขา ด้วยภาพบาดตาตรงหน้าของสามีที่กำลังมีเซ็กซ์กับผู้ชายที่เป็นเพื่อนสนิทของเขา เธอทั้งช๊อคและแทบหมดสติลงเดี๋ยวนั้น เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคือผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ของเธอและคนรอบข้าง
"จริงๆแล้วแฟนคนแรกของเราไม่ได้ชอบกันเอง แต่คุณแม่เค้ารู้จักเรามานานแล้ว เค้ารู้สึกว่าเราขยันดีก็เลยมาขอแต่งงานให้ลูกชายเค้า เราเองรู้จักกับเค้าแค่ผิวเผิน แต่ก็เห็นมาตลอดหลายปีว่าเค้าเป็นคนดี ไว้ใจได้ เราก็เลยตัดสินใจแต่งงานกับเค้า ระหว่างอยู่ด้วยกันเค้าก็ดีกับเรามาก ทำทุกอย่างเพื่อเราตลอด เราอยากไปไหนทำอะไรเค้าก็จะพาไปหมด" ระหว่างนั้นเธอก็เหมือนครอบครัวปกติ เขารักเธอและเธอก็รักเขา เธอรู้จักและสนิทสนมกับเพื่อนของเขาแทบทุกคนโดยเฉพาะเพื่อนสนิทของเขา "ปกติเค้าจะมีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งซึ่งสนิทกันมาก เค้าเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวตอนวันแต่งงานด้วย
แต่งงานมา 2 ปี ตั้งท้องได้ 2 เดือน ถึงรู้ว่าสามีเป็นเกย์
เค้าสองคนสนิทกันมาก หลังแต่งงานแล้วเพื่อนคนนี้มานอนค้างที่บ้านบ่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเสาร์อาทิตย์ เวลาเพื่อนคนนี้มานอนบ้านทีไร แฟนเราก็บอกว่าขอไปนอนเป็นเพื่อนเพื่อนนะ เราก็ไม่ว่าอะไรเพราะรู้ว่าเค้าสนิทกันมาก" จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนสนิทคนนี้ก็ทำให้เธอรู้ความลับที่ไม่เคยเปิดเผยมาตลอด 2 ปีที่แต่งงานกัน "ปกติเราเป็นสะใภ้คนจีนก็ต้องตื่นแต่เช้าขึ้นมาทำกับข้าวให้แม่เค้า เช้านั้นพอทำกับข้าวเสร็จแม่เค้าก็ให้ขึ้นไปตามแฟนเราลงมาทานข้าว จำได้เลยว่าตอนนั้น 7 โมงเช้า พอเราเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละ
เราเห็นภาพสามีเรากำลังมีเซ็กซ์กับเพื่อนผู้ชายคนนั้น เราตกใจมากทำอะไรไม่ถูก ช๊อคเลย แล้วก็ใจเต้นไปหมด รีบวิ่งออกเข้าห้องตัวเอง ตอนนั้นไม่ได้ร้องไห้เลยสักนิดแต่รู้สึกตัวเองน้ำตาตก มองไปทางไหนก็เห็นภาพติดตาไปตลอด ในใจก็คิดแค่ว่าจะทำยังไง จะทำยังไง แต่เราก็ไม่ได้พูดให้ใครฟังนะ แล้วก็ตัดสินใจบอกแม่ว่าจะเลิกกับผู้ชายคนนี้ แม่ก็ถามใหญ่ว่าทำไม เพราะเห็นว่าเราท้องอยู่ แม่ก็ห่วง แต่ตอนนั้นเรารู้สึกว่าถึงท้องก็จะเลิก เราจะเลี้ยงลูกเอง เรารับสภาพแบบนี้ไม่ได้ แล้วก็เก็บเสื้อผ้าออกมาจากบ้านนั้นเลย"
หลังจากวันนั้นเธอก็ไม่พูดไม่มองหน้าเขาอีก ส่วนเขาเองก็พยายามโทรมาหา เธอเคยถามเขาประโยคเดียวว่าทำไมต้องทำแบบนี้ เขาบอกเธอว่าเขาเป็นมานานแล้วและเปลี่ยนไม่ได้ "เราเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเค้าทำแบบนี้ได้ยังไง แล้วเพื่อนผู้ชายคนนั้นยังเคยเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวตอนวันแต่งงานด้วย ขนาดนี้แล้วจะให้เราคิดยังไง หลังๆเราก็มาคิดสงสัย ผู้ชายคนนั้นคงนึกว่าสามีเราบอกเราแต่แรกแล้ว แล้วเราคงรับสภาพนี้ได้มั้ง"
สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจออกมาจากชีวิตเขา เธอขอหย่าขาดจากเขาและยอมอุ้มท้องเลี้ยงลูกเอง "ตอนนั้นเราไม่ได้เล่าให้ใครฟังอีกเลยนอกจากแม่คนเดียว แล้วก็ย้ำกับแม่ว่าห้ามบอกใคร เพราะจริงๆแล้วเรายังรักเค้ามาก ไม่อยากให้เค้าเสียชื่อเสียง ครอบครัวเค้าเองก็ไม่มีใครรู้ว่าเค้าเป็นเกย์ ส่วนเธอเองก็ถูกสายตาคนอื่นมองว่าล้มเหลวจากชีวิตแต่งงาน" หลังจากหย่าขาดกันแล้ว เขาเองก็ไม่ปล่อยเธอไปไหน ยังคงมารับเธอไปหาหมอตรวจครรภ์ เขาจำได้หมดว่าเธอต้องไปโรงพยาบาลวันไหนบ้าง แต่เธอก็ไม่เคยรับเงินจากเขาเลย แม้กระทั่งตอนที่คลอดลูกออกมาแล้ว เธอไม่ยอมให้เขาพบหน้าลูกอีก แต่เขาก็ไม่ละความพยายาม อย่างน้อยจะแวะมาหาลูกทุกปีตอนวันเกิด ถ้าวันไหนเธอรู้ว่าเขาจะมาเธอจะอุ้มลูกหนีไป
ภาพเหตุการณ์วันนั้นทำร้ายจิตใจเธอขนาดหนัก เพราะเธอยังจำภาพวันนั้นได้ดีไม่มีลืม หลังจากนั้นเธอก็เกลียดผู้ชายและเกย์ทุกคน เพราะเธอรู้สึกว่าขนาดสามีที่เธออยู่ใกล้ชิดมากที่สุด เขาทำงานกลับบ้านตามปกติไม่เคคยมีพิรุธจากท่าทางเดินหรือการพูดจาให้เธอเห็นเลยสักครั้ง เวลาอยู่กับเพื่อนเขาก็ไม่เคยแสดงออกสักครั้ง แต่สุดท้ายเขายังกลายเป็นเกย์ไปได้ เธอเลยไม่ยอมเข้าใกล้และไม่เคยพูดกับผู้ชายและเกย์คนไหนอีกเลย จนกระทั่งเวลาผ่านไป 4 - 5 ปี มีผู้ชายคนหนึ่งมาหลงรักเธอเข้าเธอก็ไม่ไว้ใจ และเธอก็บอกเขาไปตรงๆเลยว่าเธอเคยมีสามีมาแล้วและตอนนี้ก็มีลูกด้วย เธอยังเข็ดกับความรักครั้งก่อน และไม่แน่ใจว่าเขาเป็นเกย์หรือเปล่า
"เค้าเป็นคนขี้เหร่มาก มีปานครึ่งหน้า แล้วอีกอย่างเค้าอายุน้อยกว่าเราด้วย ตอนนั้นเราถามเค้าตรงๆว่าเป็นเกย์รึเปล่า เค้าก็บอกว่าเปล่า แล้วก็บอกเค้าตรงๆว่าคิดดีแล้วเหรอที่มาชอบ เราอายุมากกว่า มีลูกแล้วไม่ได้เป็นสาวโสดแล้วนะ แต่เค้าไม่ตกใจเลยยังบอกว่ากลับมาด้วยว่าชอบ" ตอนแรกๆ เธอเองก็ไม่ได้ชอบเขาเลย แต่พอรู้จักกันนานเข้าความรักและความดีก็ทำให้เธอสงสารเขามากขึ้น "หลังจากคบกันมาเป็นปี เค้าก็ขอเราแต่งงงาน ตอนนั้นคิดเลยว่าคนนี้คงเป็นเนื้อคู่ของเราแน่ แต่ก็ยังแอบคิดว่าถ้าเค้าเป็นเกย์ชาตินี้เราก็จะไม่ขอคบกับผู้ชายคนไหนอีกเลย" คราวนี้ความรักของเธอก็ไม่ได้ราบเรียบเช่นกัน พ่อแม่ฝ่ายผู้ชายกลับไม่เห็นชอบด้วย เพราะเขาอายุน้อยกว่าเธอและเคยแต่งงานแล้ว "ตอนนั้นพ่อแม่เค้ารังเกียจเรา แต่เค้าก็บอกพ่อแม่ไปว่าถ้าไม่ให้แต่งเค้าก็จะออกจากบ้านไปเลย คำพูดคำนี้ทำให้เราซึ้งมาก แม่เค้าก็เลยบอกว่าถ้าจะแต่งก็หาเงินแต่งเอง และเค้าก็หามาแต่งจนได้"
ทุกวันนี้เธอมีครอบครัวใหม่และมีลูกกับสามีใหม่ด้วย 1 คน เขารักเธอมากดูแลเธออย่างดี ส่วนสามีเก่าก็ยังคงวนเวียนมาหาเธออยู่บ้าง แต่เขาก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมกับเพื่อนชายคนนั้นโดยไม่มีใครรู้ "เชื่อมั้ยว่าทุกครั้งที่เห็นเค้าจะเห็นภาพนั้นลอยขึ้นมาทุกที มันฝังใจมาก ตอนแรกๆทำให้เราไม่รักลูกคนแรกด้วยซ้ำ เพราะมองเห็นลูกทีไรก็เห็นภาพนั้นแวบขึ้นมาทุกที แต่ตอนหลังเราก็รู้สึกว่าเราจะทำกับเค้าแบบนี้ได้ยังไง เราก็เลยรักเค้ามาก" หลังจากแต่งงานใหม่แล้วเธอถึงได้ยอมให้เค้าพบหน้าลูกบ้าง
"เราเคยบอกลูกไปตรงๆว่านี่พ่อหนูนะ ลูกก็บอกว่าไม่ใช่ ถ้าเป็นพ่อหนูจริงต้องเลี้ยงหนูมาสิ บอกยังไงลูกก็ไม่เชื่อ แต่เค้าก็เคยถามว่าน้าคนนั้นมาหาแม่บ่อยๆทำไม แล้ววันเกิดหนูทำไมเค้าต้องมาหาหนูด้วย ทุกวันนี้เวลาเค้ามาหาเรา เค้าก็จะพาผู้ชายคนนั้นมาด้วย เราเคยขอร้องแต่เค้าก็ทำไม่ได้" ทุกวันนี้ถ้าต้องพาลูกไปเยี่ยมคุณย่า เธอกับสามีใหม่จะไปส่งลูกแถวๆนั้นแล้วให้ลูกเดินเข้าไปเอง เธอไม่เคยเข้าใกล้ในรัศมีที่มองเห็นบ้านนั้นเลย เพราะไม่อยากไปเหยียบที่ตรงนั้น เธอว่ามันฝังใจเธอและทุกวันนี้เธอก็ประกาศกับใครต่อใครว่าเธอเกลียดกะเทย จนเมื่อปีกว่าที่ผ่านมาเธอถึงได้ยอมพูดคุยกับเพศที่ 3 บ้าง เพราะที่ผ่านมาเธอจะไม่เข้าใกล้ไม่คุยด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว
"ทุกวันนี้ลูกเรียกเค้าว่าน้า เราก็บอกว่าเพราะเค้าเป็นแบบนี้ไงลูกถึงไม่ยอมเรียกว่าพ่อ จริงๆแล้วทุกวันนี้เค้ายังดีกับเราเสมอ ห้องของเราที่บ้านเค้าก็ยังอยู่ เค้าไม่ให้ใครมายุ่งเลย แล้ววันเกิดเราวันเกิดลูกเค้าไม่เคยลืม แต่เค้าก็ทิ้งผู้ชายคนนั้นไม่ได้ เพราะเค้าคงรู้จักผู้ชายคนนั้นมาก่อนเรา แต่จะให้เรารับสภาพแบบนั้นเราทำไม่ได้ ถึงเค้าจะรวยขนาดไหนเราก็รับไม่ได้ เรายอมออกมากัดก้อนเกลือกินกับคนนี้ดีกว่า สบายใจกว่า ถ้าเลือกได้เราขอแค่เป็นผู้ชายจริงๆร้อยเปอร์เซ็นต์ จะขี้เหร่ ตาเขยังไงก็ช่างเราไม่ว่าเลย"
ที่มาจาก
นิตยสาร CLEO