ขำขำ : ไอ้หนุ่ม ฮาเลย์
ไอ้หนุ่มคนหนึ่งใฝ่ฝันมานานแล้วว่า อยากได้มอไซค์ฮาเลย์ซักคัน
จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเก็บเงินได้มากพอจนสามารถซื้อฮาเลย์ได้
แต่ก่อนที่จะออกจากโชว์รูม คนขายเตือนเขาว่า
ให้ระวังชิ้นส่วนที่ชุบโครเมียมจะหมองถ้าโดนฝน
ไอ้หนุ่มมอไซค์เห็นจริงดังนั้น เลยถามคนขายว่าควรทำอย่างไรดี
แล้วก้อได้คำตอบว่า ให้พกวาสลีนติดตัวไว้เสมอ
เวลาฝนจะตกก้อเอาวาสลีนไปละเลงตรงที่ชุบโครเมียม
ด้วยความรักที่มีต่อมอไซค์ราคาแพง
ไอ้หนุ่มคนนั้นจึงพกวาสลีนติดตัวตามที่ได้รับคำแนะนำมา
ต่อมาไม่นาน ไอ้หนุ่มมอไซค์ก้อพบรักกับสตรีนางหนึ่ง
ถึงขนาดพาซ้อนฮาเลย์ไปใหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลา
ความรักของทั้งสองคนเบ่งบานขึ้นจนสาวเจ้าออกปากเชิญไป
กินข้าวเย็นที่บ้านกับครอบครัวของเธอ ไอ้หนุ่มฮาเลย์ตกลงทันที
แต่เธอบอกว่าที่บ้านเธอมีธรรมเนียมแปลกอยู่อย่างหนึ่ง
นั่นคือหลังอาหารเย็นสิ้นสุดลง
ใครพูดออกมาเป็นคนแรกต้องล้างจานทั้งหมด
ไอ้หนุ่มรู้สึกแปลกใจแต่คิดว่าคงน่าสนุกดี
ดังนั้นหลังอาหารเย็น ทุกคนซึ่งประกอบด้วย
พ่อแม่ของฝ่ายหญิงและคู่รักหนุ่มสาวจึงพากันรูดซิปปากกันถ้วนหน้า
กาลผ่านไปเป็นชั่วโมงจนไอ้หนุ่มรู้สึกอึดอัด
แต่แล้วเขาก้อคิดอุบายออกมาได้อย่างหนึ่ง
เขาหันมากอดจูบแฟนสาวต่อหน้าพ่อแม่ของเธอ
แต่ผิดคาดไม่มีใครพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว
ไอ้หนุ่มมอไซค์ไม่ยอมจำนนง่ายๆ
เขาจับสาวเจ้าให้ขึ้นไปนอนบนโต๊ะอาหารแล้วจัดการ ....เซ็นเซอร์.... ทันที
ไม่มีใครเอ่ยปากแม้แต่คำเดียว!!!
ไอ้หนุ่มรู้สึกประหลาดใจมาก
แต่ยังไม่ยอมแพ้
คราวนี้ลงมือ ....เซ็นเซอร์.... กับแม่ของฝ่ายหญิงอย่างดุเดือด
แต่แล้วก้อเหมือนเดิม ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย
คราวนี้ไอ้หนุ่มฮาเลย์รู้แล้วว่า
คงไม่มีทางเอาชนะเกมนี้ได้ง่ายๆ
ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้ยินเสียงฟ้าร้องครืนมาแต่ไกล
แน่แล้ว ฝนกำลังจะตกแน่ๆ
สิ่งแรกที่เขาคิดคือต้องเอาวาสลีนไปทารถมอไซค์ซะก่อนที่จะเปียกฝน
คิดแล้วเขาก้อล้วงเอากระปุกวาสลีนออกมา....
"เอาหล่ะ" เสียงหนึ่งทำลายความเงียบขึ้น
เป็นของพ่อของแฟนสาวนั่นเอง
"ถ้าจะเอาขนาดนี้เลยล่ะก้อ พ่อล้างจานเองก้อได้..."