พบวิธีหุงต้มอาหารหนุนส่ง ยกมนุษย์ขึ้นเหนือสัตว์
นักปราชญ์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอันมีชื่อเสียงของสหรัฐฯ เชื่อว่า เพราะการพบวิธีหุงต้มอาหาร จึงเกิดมีมนุษย์ขึ้นมาได้อย่างทุกวันนี้
ไม่เช่นนั้น ก็คงยังเป็นแบบพวกลิงพวกค่าง ที่วันๆไม่ต้องทำอะไรอย่างอื่น นอกจากเคี้ยวอาหารกินเอาเท่านั้น
ยิ่งกว่านั้น ถ้าหากต้องกินอาหารดิบๆ มนุษย์ก็จะต้องเคี้ยวกิน ปริมาณอาหารกองโตเป็นภูเขาเลากา จึงจะได้พลังงานเพียงพอที่จะเอาชีวิตรอด ซึ่งหากจะเคี้ยวผักผลไม้กองเท่าภูเขาเหล่านั้นให้หมด อาจจะต้องเคี้ยวกันนานถึงวันละ 6 ชม.
ศาสตราจารย์ริชาร์ด แรงแฮม ผู้ศึกษา แสดงความเห็นว่า การที่มนุษย์รู้จักกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร นับว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เนื้อสัตว์เป็นแหล่งอุดมด้วยพลังงาน ไม่แต่เพียงช่วยให้บรรพบุรุษของเรามีมันสมองใหญ่กว่าเท่านั้น หากยังช่วยให้เลิกกับการที่ต้องใช้เวลาเกือบทั้งวัน หาอาหารกิน เพื่อจะเติมพลังงานให้คงที่ไว้มาได้ ทำให้มีเวลาเหลือสร้างโครงสร้างสังคมเพื่อความเจริญก้าวหน้าขึ้นมา
อาจารย์ริชาร์ดชี้ว่า ความสำคัญในการกินเนื้อสัตว์ อยู่ที่การค้นพบวิธีหุงต้มมัน ซึ่งนำไปสู่การวิวัฒนาการขั้นพื้นฐานของชาติพันธุ์ของเรา "ผมคิดว่าการหุงต้ม นับเป็นการเพิ่มปริมาณคุณภาพให้กับอาหารครั้งใหญ่ที่สุด ตลอดประวัติศาสตร์ชีวิตทั้งหมด โดยไม่ต้องสงสัย และมนุษย์ก็นับว่าเป็นชาติพันธุ์เดียว ที่หุงหาอาหารเป็น"
ศาสตราจารย์สเตรเฟน เซคอร์ มหาวิทยาลัยอลาบามา ของอเมริกา กล่าวเสริมว่า อาหารที่หุงต้มไม่แต่เพียงให้พลังงานได้มากกว่า หากร่างกายยังใช้พลังงานในการย่อยน้อยลงไป "การหุงต้มอาหาร เหมือนกับการย่อยล่วงหน้า เท่ากับแทนที่เราจะใช้แรงงานของลำไส้ หันมาใช้พลังสมองแทน".