บทความ เรื่องหมาๆ
กลางดึกในคืนที่อากาศแจ่มใส เมื่อเห็นว่าภรรยาและลูกสาวนอนหลับสนิทแล้ว วิทยาชายวัยกลางคนก็ย่องลงมาจากบ้าน เขาตรงไปที่หลังบ้านไขกุญแจเปิดกรง แล้วก็อุ้มร่างของหมาตัวหนึ่งเดินไปยังสนานหญ้าหน้าบ้าน จากนั้นก็วางมันลงอย่างช้าๆ หมาตัวนั้นส่งเสียงครางในลำคอเมื่อเห็นเจ้านายของมันนั่งลงข้างๆ
“นอนอยู่นั่นแหละแกไม่ต้องลุกขึ้น จริงสิบางทีแกอาจจะไม่มีแรงลุกขึ้นมาแล้วก็ได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ขณะที่จ้องมองหมาร่างกายผ่ายผอมจนเห็นกระดูก นอนอ้าปากหายใจอย่างลำบาก
“แกอยู่กับฉันมากี่ปีแล้ว สิบกว่าปีแล้วมั้ง ใช่หรือเปล่า” เขาพูดกับหมาซึ่งนอนนิ่งอยู่ มันเหมือนจะเข้าใจคำพูดของเขา แต่มันพูดไม่ได้
“รู้ไหม แกมันไม่มีดีสักอย่าง เป็นหมากระจอก หมาข้างถนนที่ฉันเก็บมาเลี้ยง แกเข้าใจไหม แกมันไม่ดีสักอย่าง” เขาพูดเสียงดังขึ้น
“แกเป็นหมาแน่หรือเปล่าวะ แมวก็ยังกลัว ฟ้าร้องก็วิ่งหางจุกก้นเข้าบ้าน ชอบขุดต้นไม้ข้างรั้วจนกระจุยกระจาย ห้ามก็ไม่ฟัง แกมันเป็นหมาหรือหนูกันแน่” เขาด่ามันเสียงดังขึ้นกว่าเดิม จ้องมองมันซึ่งแม้จะถูกเขาดุด่า มันก็จ้องมองตอบด้วยสายตาที่ไม่เปลี่ยนแปลง สายตาเดิมซึ่งไม่เคยเปลี่ยนนับแต่มันมาอาศัยอยู่กับเขา
“แต่จะว่าไปแกก็มีดีอยู่หน่อยหนึ่ง” เขาหลบตามันเงยหน้ามองดาวบนฟ้า พูดลดเสียงลง
“ไม่ต้องห่วง ฉันยังจำเรื่องเมื่อห้าปีก่อนได้ ตอนนั้นมีหมาพันธุ์ร๊อตไวเล่อร์หลุดเข้ามาในบ้าน แกก็เห่าไล่มัน เห็นไหมฉันยังจำข้อดีแกได้” เขาหัวเราะกับหมาที่นอนอยู่ มันพยายามส่งเสียงครางในลำคอคล้ายกับจะตอบกลับเขา
“แล้วไงต่อเหรอ ก็ไอ้หมาตัวนั้นมันไม่ยอมออกจากบ้านใช่ไหม แกก็เข้าไปกัดกับมัน แผลนี่สินะ” เขาเอามือลูบรอยทางยาวที่พาดอยู่ข้างลำตัวผอมมัน รอยนี้ลึกเข้าไปในเนื้อ ดังนั้นเมื่อหายแล้วจึงไม่มีขนขึ้นมาอีก
“หรือแกเป็นหมาบ้าวะ แกแพ้มันอยู่แล้วยังดันทุรังกัดกับมันไม่ยอมเลิก ทำไมแกไม่หนีเข้าบ้าน ทำไมแกยังไม่ยอมถอย โดนมันกัดตั้งหลายแผลก็ยังกัดสู้กับมันอีก ถ้าตอนนั้นฉันไม่กลับมาบ้านทันไล่หมาตัวนั้น แกก็ตายไปแล้วรู้หรือเปล่า” วิทยาพูดเสียงเบาลง
“แล้วสองสามวันนี่แกจะหาทางออกจากบ้านทำไม รู้ไหมแกไม่สบาย ทำไมไม่นอนอยู่ดีๆ แกจะออกไปเที่ยวเหรอ ทำไมไม่รอให้หายก่อนค่อยไป อยากไปทะเลไหม ถ้าแกหายดีฉันจะพาไปเที่ยวนะ ไปไหมไปไล่ปูที่ชายหาด ฉันจะวิ่งเป็นเพื่อนแก” เขาพูดเสียงเบาลงจนจะกลายเป็นเสียงกระซิบ
“ฉันรู้ว่าแกชอบกินหมูสะเต๊ะ พรุ่งนี้ฉันจะซื้อให้กินนะ แต่แกต้องสัญญาว่าจะไม่พยายามออกไปข้างนอกอีก” เขาขยับเข้าไปใกล้มัน จนเมื่อเข้าใกล้จนชิด มันจึงผงกหัวขึ้นมาเลียขาเขา
“ฉันตามใจแกทุกอย่างแล้วนะ แกชอบนอนบนหญ้าฉันก็หามมานอนแล้ว แกต้องสัญญานะ ว่าจะไม่หนีออกจากบ้านไป เข้าใจไหม” เขาพูดเสียงสั่น
“ฉันขอโทษที่ว่าแกเป็นหมาไม่ดี ฉันขอโทษนะ ฉันผิดไปแล้ว แกโกรธฉันไหม” น้ำเสียงเขาเปลี่ยนไปเป็นตะกุตะกัก และสูดหายใจลึกๆ เพื่อจะพูดต่อ
“แกเป็นหมาดีที่สุด แกอย่าทิ้งฉันไปนะ อย่าทิ้งกันไปนะ ” ที่สุดเขาก็หลั่งน้ำตาออกมา แล้วก็เอนตัวลงนอนข้างหมาแก่ซึ่งหายใจรวยรินบนพื้นหญ้า เมื่อเห็นเจ้านายมันนอนลงข้างๆ มันก็เลียหน้าเขา เหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของเจ้านายที่มันรักเหนืออื่นใด
เจ้านายกอดมันและร้องสะอื้นจนหลับไป พอเห็นว่าเจ้านายมันหลับลงแล้วมันก็เขย่งตัวค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า และออกเดินไปที่ประตูหน้าบ้าน ท่ามกลางหมู่ดาวเต็มท้องฟ้า หมาใกล้ตายตัวหนึ่งอาศัยลมหายใจช่วงสุดท้ายในชีวิตของมัน พาร่างผ่ายผอมเดินไปเรื่อยๆ จนลับหายไปจากแสงไฟหน้าบ้าน
ตลอดกาล
--------------------------------------------------------------------------------
รุ่งขึ้นวิทยาตื่นขึ้นมาก็ไม่พบหมาของเขาแล้ว เขาได้แต่บอกภรรยาและลูกสาวว่าหมาตัวนั้นมันวิ่งหนีออกไปเมื่อคืน ซึ่งความจริงแล้วเขารู้เหตุผลดีว่าทำไมมันถึงออกจากบ้านไป เพราะว่ามันไม่ยอมให้เขากับภรรยา และลูกสาว เห็นมันตาย มันกลัวพวกเขาจะเสียใจ เรื่องนี้เขาเพิ่งจะเข้าใจก็ตอนที่มองนัยน์ตามันเมื่อคืน มันยอมหนีออกไปตายอย่างเดียวดาย ดีกว่าปล่อยให้คนที่มันรักเสียใจ
แกหลับให้สบายเถอะเพื่อนรัก แกดีที่สุดสำหรับฉันแล้ว
บางครั้งเราคิดว่ามันไม่เข้าใจคำพูดของเรา
บางครั้งเราคิดว่ามันไม่เข้าใจความรู้สึกของเรา
เพราะหลายครั้งเราไม่เคยมองลึกเข้าไปในตาของมัน
ดวงตานั้นไม่เคยเปลี่ยน ดวงตานั้นบอกว่ารักเรา
ช่วงชีวิตของเรายาวนานเมื่อเทียบกับมัน
แต่จะไม่มีประโยชน์อันใดเลย มีชีวิตร้อยปีแล้วจะเป็นอย่างไร
ถ้าชั่วชีวิตนี้เราไม่เข้าใจความรักอย่างแท้จริงอย่างมัน สู้มีชีวิตเพียงสิบกว่าปีดีกว่า
ขอบคุณ @cloud