มาจนถึงวันนี้เราคงไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า โทรศัพท์มือถือนั้น ได้กลายเป็นอุปกรณ์การสื่อสารชิ้นหนึ่งที่ใครหลาย ๆ คนขาดไปไม่ได้เสียแล้ว
จริงอยู่ที่ว่าหลาย ๆ คนเป็นประเภทคนขี้เหงา ซึ่งเจ้ามือถือเหล่านี้ก็เปรียบเสมือนสื่อกลางที่จะช่วยให้คุณไม่เคอะเขินเวลาที่ต้องอยู่คนเดียว ไม่ต้องเหงาหากต้องไปไหนมาไหนตามลำพัง ตราบใดที่ปลายสายยินดีที่จะคุยกับคุณได้ในเวลานั้น ๆ
แต่ทั้งนี้นั้น แม้ว่าปลายสายของคุณจะยินดีคุยเป็นเพื่อนกับคุณก็ตาม หากคุณคุยอยู่ในบ้านของคุณเองก็ไม่เป็นอะไรหรอก หากแต่คุณอยู่ข้างนอกนี่สิ บางครั้งเรื่องที่คุณกำลังสนทนาอยู่นั้นอาจจะลอยไปเข้าหูคนข้าง ๆ อย่างไม่ตั้งใจได้ ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาว่า คุณควรจะต้องใส่ใจด้วยว่า เรื่องไหนที่คุณมีควรพูดเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ
การพูดคุยในทำนองที่ว่าจะทะเลาะกับปลายสาย แน่นอนว่าหากคุณเริ่มมีอารมณ์ไม่ดีและ เริ่มต้นที่จะทะเลาะกับปลายสายล่ะก็ เราแนะนำให้คุณวางสายไปเลยจะดีกว่า เพราะยิ่งคุยไปคุยมา คุณจะยิ่งใส่อารมณ์มากขึ้น และแน่นอนว่าคนรอบข้างที่เห็นอาการของคุณเขาไม่รับรู้ด้วยหรอกว่า คุณมีเรื่องอะไรคับแค้นใจกับปลายสายนักหนา นอกเสียจากว่า เขากำลังคิดว่าคุณเป็นพวกขี้โมโหร้ายเสียมากกว่า
การปลอบใจเพื่อนเมื่อต้องเผชิญปัญหา หรือกำลังอกหัก อันนี้เข้าใจว่าอยากจะให้กำลังใจเพื่อน อยากอยู่ข้าง ๆ เมื่อเพื่อนกำลังทุกข์ใจ แต่ทางที่ดีคุณควรหาที่สงบ ๆ เพื่อพูดคุยจะดีกว่า เดินไปคุยไป เพราะหากคุณต้องข้ามถนน หรือกำลังเดินเลือกซื้อของ แน่นอนว่าคุณจะมีสมาธิไม่เพียงพอ และแทนที่เพื่อนจะดีใจที่คุณเห็นความสำคัญของเธอ / เขา กลับกลายเป็นว่าเพื่อนของคุณอาจจะคิดว่า เขารบกวนคุณมากกว่า หรืออาจจะพาลคิดไปว่าเขามีค่าน้อยมาก จนคุณไม่ค่อยให้ความใส่ใจเท่าที่ควร
การพูดคุยเรื่องใต้สะดือ หรือตลกใต้เข็มขัด แน่ล่ะว่าอย่างไรเสียคุณก็ดูไม่ดีแน่นอนที่สุด แม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อนก็ตาม แต่คนรอบ ๆ ข้างคุณเขาเห็นแต่หน้าของคุณนี่หน่า และเขาก็ไม่ได้ทราบด้วยว่าใครที่เป็นคนเริ่ม เพราะฉะนั้น หากอยู่ในที่สาธารณะ พวกเรื่องใต้สะดือ ให้เก็บเอาไว้อย่าได้พูดเชียวนะ ถ้าไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนทะลึ่งน่ะ
การติดต่อสมัครงาน การอยู่ในที่สาธารณะนั้น หมายถึงการอยู่ในที่ที่มีคนพลุกพล่าน ซึ่อาจจะมีเสียงรบกวนมากมายรอบด้าน ดังนั้นหากคุณโทรศัพท์ไปสอบถามเรื่องการสมัครงานในที่สาธารณะ คุณอาจจะสร้างความไม่น่าประทับใจตั้งแต่เริ่มก็ได้ เพราะบางครั้งขณะที่คุณกำลังสนทนาอยู่นั้นอาจจะมีเสียงรบกวนจนคุณต้องสอบถามปลายสายหลาย ๆ ครั้งว่า “อะไรนะคะ” แต่ถ้าจำเป็นจริง ๆ แนะนำว่าให้หาที่เงียบ ๆ ไม่มีเสียงรบกวนพูดคุยจะดีกว่า
การเล่าเรื่องสยดสยอง สมมติว่าคุณกำลังนั่งอยู่บนรถสาธารณะแล้วคุณดันเล่าเรื่องสยดสยอง ซึ่งสื่อให้เห็นภาพเลือดสด ๆ หรือภาพอุจาดตาที่ไม่น่าดูเลยนั้น แน่นอนว่าคนรอบข้าง ๆ คุณต้องได้ยินด้วยแน่ ๆ และที่สำคัญกว่านั้นหากเขาเป็นคนขวัญอ่อนล่ะ คุณอาจจะทำให้เขาคิดมากโดยไม่รู้ตัว เพราะระดับความเข้มแข็งของจิตใจคนเรานั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้นการที่คุณจะเล่าเรื่องชวนขนลุก เล่าเรื่องชวนสะอิดสะเอียน หรือเล่าเรื่องสยดสยองแนะนำว่าควรจะเก็บเอาไว้ไปเล่าเมื่อเวลาที่ไม่มีคนอยู่ข้าง ๆ หรือเก็บไว้เล่าเมื่ออยู่บ้านจะดีกว่าค่ะ
จริงอยู่ที่ว่าการพูดคุยโทรศัพท์นั้นเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่บางครั้งการคุยโทรศัพท์ในที่สาธารณะคุณเองก็ต้องคำนึงถึงเรื่องมารยาทและเรื่องของความเหมาะสมด้วย เพราะในทางกลับกันบางครั้งเมื่ออยู่ร่วมกับคนอื่น
คุณเองก็อาจจะไม่ชอบใจหากคนข้าง ๆ คุยโทรศัพท์ในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง หรือในเรื่องที่คุณไม่ชอบ แถมยังมารบกวนสมาธิของคุณด้วยเลยใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นคุณเองก็ต้องระมัดระวังไม่ทำอย่างที่คุณเองก็ไม่ชอบด้วยเหมือนกัน เพื่อที่สังคมจะได้น่าอยู่มากขึ้นนะคะ