♣ ตกหลุมรัก ♣

♣ ตกหลุมรัก ♣




ผมแอบมองเธอตั้งแต่เธอเดินเข้ามาในร้าน หน้าตาเธอดูเกลี้ยงเกลาสดใส น่ามอง เธอแต่งหน้าอ่อนๆ ไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ เท่าไร แต่กลับน่ามองกว่า ผมสีดำของเธอยาวเหยียดตรงเลยกลางหลังไปนิดหน่อย อาจเพราะแววตากับผมของเธอก็ได้ที่ดึงดูดสายตา

          เธอหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน เวลาผ่านไปพอสมควร ผมไม่รู้ว่าฝนตกนาน หรือว่าเธออ่านหนังสือเร็วกันแน่ เธอยกมือซ้ายปาดน้ำตาที่สองแก้มอย่างลวกๆ ปิดหนังสือเล่มที่อยู่ในมือแล้ววางบนโต๊ะ มีแก้วกาแฟวางบนโต๊ะแค่ใบเดียว ดวงตาคู่สวยของเธอเพ่งมองออกไปข้างนอก ฝนกำลังโปรยปรายไม่ขาดสาย ผมนึกเปรียบเธอกับสายฝนที่เทกระหน่ำ ผมว่าเธอเหมือนฝน จะต่างกันก็ตรงที่ เวลาฝนตกอาจมีฟ้าร้อง ฟ้าแล่บ

          แต่เธอร้องไห้เงียบๆ ไม่ได้ฟูมฟาย ผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์เวลาร้องไห้ แต่ถ้าเธอ "ยิ้ม" คงมีเสน่ห์ยิ่งกว่า

          ผมอยากรู้เหมือนกันว่า หนังสือหรือฝนที่ทำให้เธอเสียน้ำตา เธอนั่งอยู่ประเดี๋ยวเดียว ก็ลุกเดินออกไปนอกร้าน ฝนยังตกอยู่ แต่เธอไม่สนใจ เดินตากฝนไปเงียบๆ
 
          เวลาที่ผมเหงาๆ ผมจะไปดูหนัง บางทีโปรแกรมหนังไม่น่าสนใจ แต่ผมก็ไปนั่งดู อยากให้มีคนมานั่งรอบๆ ตัวผม มันหลอกตัวเองง่ายดี ว่า "อบอุ่น"

          วันนี้…ผมก็มาหลอกตัวเองอีกครั้ง ตั้งแต่หนังอย่าง One Fine Spring Day ทำให้ผมพอจะยิ้มออกอีกครั้ง หญิงชราในเรื่องปลอบหลานชายว่า "ผู้หญิงบางคนเหมือนรถประจำทาง เวลาออกจากสถานีแล้ว ก็ไม่หยุดรับเราอีก" เธอเป็นผู้หญิงแบบนั้นใช่ไหม ?
 
          หลังจากที่ผมโดนคนรักทิ้งและได้ดูหนังเรื่องนี้โดยบังเอิญ หนังเป็นเหมือนเพื่อนที่คอยปลอบใจในเวลาที่ผมต้องการที่พึ่ง...แม้มันจะเป็นหนังที่เธอลืมไว้ก็ตาม ตอนที่คนเราอกหัก ไม่รู้ว่าคนเราทำอะไรกันบ้างเพื่อเป็นการระบายความเจ็บปวด ผมดูหนังทั้งวันทั้งคืน บางทีเธออาจไม่ได้ลืม แต่จงใจทิ้งไว้ให้ผมดู เวลาที่คิดถึงเธอ
 
          ไม่รู้ทำไม เวลาเดินผ่านร้านกาแฟร้านนั้น ผมต้องเหลือบมองเข้าไป เหมือนจะมองหา "ใครสักคน" ด้วยก็ไม่รู้...ไม่รู้เหมือนกัน ก็คงแค่อยากเจอเธอคนนั้นอีกครั้ง...ได้มองเธอนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ แล้วสบายตาเป็นที่สุด

          ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางได้เจอเธอง่ายๆ หรอก คิดแล้วผมก็ตลกตัวเอง เดี๋ยวผมก็จะเดินผ่านร้านกาแฟร้านนั้น แล้วก็กำลังจะ "มองหา" เหมือนเดิม ผมอมยิ้มกับตัวเอง ทั้งที่รู้ว่าความว่างเปล่ารออยู่...เหมือนทุกครั้ง

          "เฮ้ย"ผมหยุดชะงักอยู่กับที่ ใจเต้นแรงกว่าปกติ เธออยู่ตรงนั้นโต๊ะริมกระจกเธอนอนหนุนแขนตัวเองหันหน้าออกมาทางกระจกโชคดีที่เธอหลับตาอยู่ เลยไม่เห็นท่าทางพิลึกๆ ของผม ขาของผมก้าวเข้าไปในร้านตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ได้ ผมสั่งขนมปังทั้งที่วันนี้ผมไม่อยากกินหรอก แต่มันคุ้นปากที่สุดสำหรับตอนนี้ "เธอชื่อน้ำตาลครับ" คนขายบอกผมปนขำ

          ผมจึงรู้ตัวว่ายืนมองเธออยู่นาน รีบรับถุงขนมปังมา จ่ายเงินยิ้มแหยๆ ให้เขา หน้าตาคนขายโหดมาก แต่กลับมาขายขนมปัง ของกินที่หวานมากในความรู้สึกผม "ขอบคุณครับ" ไม่รู้ว่าคำขอบคุณนี้ สำหรับขนมปังหรือชื่อของเธอ ผู้ชายหน้าเหี้ยม ยิ้มเต็มที่ พร้อมกับแถมให้ว่า "คุณน้ำตาลจะมาที่นี่ทุกวันอาทิตย์ครับ ประมาณบ่ายๆ เธอก็มาแล้ว" ผมเงยหน้ามองเขายิ้มๆ แล้วพยักหน้ารับ ไม่กล้าหันกลับไปมองเธออีก ตั้งแต่วันนั้น ร้านกาแฟ ก็มีลูกค้าประจำเฉพาะบ่ายวันอาทิตย์ เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน
 
          สาเหตุที่จะทำให้ผมหงุดหงิดมีไม่เยอะเท่าไร แต่ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าผมหงุดหงิดบ่อย อะไรนิดอะไรหน่อยก็พาลอารมณ์ไม่ดีได้ง่ายๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอหรือเปล่านะ พักนี้เธอไม่ค่อยมาที่ร้านเหมือนเมื่อก่อน หรือเธอจะรู้ตัว และรำคาญที่มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้มาแอบมองเธอทุกอาทิตย์

          เจ้าของร้านต้องรู้แน่ๆ ว่าทำไมเธอหายไป แล้วเขาก็ต้องรู้ด้วยว่า ผมกระวนกระวายใจกับเรื่องนี้ แต่เขาไม่ยอมบอกผม เหมือนจะรอให้ผมเอ่ยปากถามเขาเอง

          "เอ่อ น้ำตาล เป็นอะไรหรือเปล่าครับ พักนี้ผมไม่ค่อยเห็นเธอมาที่นี่เหมือนเมื่อก่อ"
          ผมรวบรวมความกล้าอยู่นานกว่าจะตัดสินใจเดินไปถามเรื่องเธอ
          เจ้าของร้านยิ้มที่มุมปาก "แฟนเธอกลับมาแล้ว เลยไม่ได้มานั่งเหงาเหมือนเมื่อก่อน"
          ผมรู้สึกเหมือนโดนตีหัว เสียงนั้นยังก้องอยู่ในหัว
          "เธอมีคนรักแล้ว"
          ก็แหงสิ . . . ไม่มีก็บ้าแล้ว
 
          ร้าน "Trust" ดูไร้ชีวิตชีวา เงียบเหงายิ่งกว่าเดิม
          ทั้งที่ปกติมันก็ให้อารมณ์เหงามากพออยู่แล้ว ก็เลยยิ่งเหงาหนักเข้าไปใหญ่
          ขนมหวานๆ ร้านเหงาๆ เจ้าของหน้าโหด
          ผมนั่งมองสายฝนที่โปรยปรายอยู่ไม่ขาดสาย
          อ่านหนังสือเล่มที่เธออ่านในวันนั้น
          . . . คิดถึงเธอ . . .


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์