9 เคล็ดลับความสุขที่ไม่เกินไขว่คว้า
บางครั้งเมื่อเราเดินให้ช้าลงและลองใช้ชีวิตแบบไม่รีบเร่ง เราอาจพบว่าความสุขที่แสวงหานั้นแท้จริงไม่ได้อยู่ไกลตัวนัก วันนี้จึงขอแชร์ เคล็ดลับความสุขที่อยู่ไม่ไกลเกินที่คุณจะไขว่คว้ามาได้
1. รู้ว่า "สิ่งใดควรอยากได้"
คนเรามักจะทำนายไม่ได้ว่าอะไรจะทำให้เรามีความสุขในอนาคต และความที่เราทำนายไม่ได้นี่ล่ะ เราถึงอาจเลือกทางเดินที่ผิด ดังนั้น เมื่อเรานึกภาพ "เป็นโสดอีกทีก็ดีเหมือนกัน" หรือ "ถ้าเปลี่ยนงานแล้วชีวิตฉันต้องดีขึ้นแน่ ๆ" เรามักไม่มองปัจจัยต่าง ๆ เช่น เพื่อนใหม่ หรือเราอาจจะพบว่าอยู่ดีๆ ก็สนใจด้านวิทยุ สมัครเล่น
สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้อาจเปลี่ยนชีวิต และความสุขของเราได้ แต่เราไม่สามารถมองอนาคตได้แม่นยำขนาดนั้น ทางเลือกที่ดีคือควรหันไปหาคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน คิดว่าเราเองก็เหมือนกับคนอื่นนะ ถ้าไปสมัครงานใหม่ก็ลองมองพนักงานในบริษัทที่ไปสัมภาษณ์ มีใครให้ความสนใจคุณรึเปล่า? ซึ่งนี่อาจบอกอะไรได้มากทีเดียวล่ะ
2. ลงทุนกับประสบการณ์...มิใช่สิ่งของ
เราอาจไม่สามารถเปลี่ยนของนอกกายได้ แต่ของที่ใจเราเก็บไว้จะเปลี่ยนไปทุกครั้งที่เราหยิบมาดู สมมติว่าถ้าซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่มาแล้วแต่ไม่ชอบเอาเสียเลย เราก็ต้องซื้อเครื่องใหม่หรือบางทีอาจต้องคาดหวังให้น้อยลง แต่ถ้าฝนบังเอิญตกในวันที่เราเที่ยวป่าพอดี แม้นช่วงเวลานั้นจะดูเหมือนประสบการณ์ที่เลวร้าย แต่เมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว ฝนที่ตกนั้นทำให้เราเรียนรู้ว่าชีวิตก็ต้องลำบากกันบ้าง และเราก็จะแข็งแกร่งขึ้น
3. ลงมือสร้างสรรค์ผลงาน
ด้วยสองมือของเราความสุขก็เกิดขึ้นได้ จากกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการศึกษาหนึ่ง จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เขาทดลองให้อาสาสมัครพับกระดาษและประมูลผลงานของตัวเองร่วมกับคนอื่น ๆ ผลก็อย่างที่เราคาดกันไว้ว่าคนจะเต็มใจจ่ายมากขึ้นเพื่อผลงานจากมือตนเอง และหลายกรณีแสดงว่าผลงานพับกระดาษที่ทำเองกับมือนี่ล่ะมีค่ามากกว่าผลงานจากมืออาชีพ ฟังดูเหมือนง่าย แต่ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปักครอสติช พับกระดาษ หรือถักผ้าพันคอก็ตาม เราก็ต้องใส่ทั้งใจและความมุมานะ เนื่องจากความสุขนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากเราทำผลงานไม่เสร็จ (คิดดูสิถ้าถักเสื้อกันหนาวแล้วเสร็จแค่แขนหนึ่งข้าง เราคงไม่ยินดีหรอกจริงมั้ยคะ?)
4. บริจาค
เมื่อเรามีทุกอย่างที่จำเป็นต้องใช้แล้ว การมีเงินมากขึ้นก็เพิ่มความสุของเราได้เพียงน้อยนิด เพราะสิ่งสำคัญในชีวิตของคนเราไม่ใช่การ "คว้ามา" แต่เป็น "ให้ไป" ต่างหาก และการศึกษาจาก University of British Columbia โดยสำรวจชาวอเมริกัน 623 คน ผลก็คือเงินที่คนเหล่านั้นใช้กับเรื่องของตนเองนั้นแทบไม่เกี่ยวกับความสุขในชีวิตเลย แต่ยิ่งบริจาคเงินให้ผู้อื่นมากเท่าไหร่เขาก็จะยิ่งมีความสุขมาก เท่านั้น และในการศึกษาต่อมาพบว่าจำนวนเงินนั้นไม่เกี่ยวข้องกับความสุขเลย ไม่ว่าคุณจะบริจาคมากหรือน้อยความสุขที่ได้ก็ยิ่งใหญ่พอกันค่ะ
5. เก็บเซอร์ไพรส์ให้ตัวเองบ้าง
ในสังคมออนไลน์ทุกวันนี้ ถ้าอยากรู้เรื่องราวตอนจบของหนังสักเรื่อง เราก็แค่เปิดอินเทอร์เน็ตและเสิร์ช ก็จะไม่เหลือความตื่นตาตื่นใจเมื่อดูจริง ๆ เสียแล้ว ทั้งที่ “ความไม่รู้” ทำให้เราได้คิดได้สงสัยและขยายช่วงเวลาแห่งความสุขออกไป เมื่อเราเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ทะลุปรุโปร่งดีแล้ว "ความรู้" ที่เราได้มาก็จะถูกเก็บไว้อย่างดี และเราก็จะหันไปสนใจกับเรื่องอื่นต่อไปอย่างเบาใจ ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะเซอร์ไพรส์ตัวเอง เคล็ดลับง่าย ๆ ที่น่าลองก็คือ 1. อ่านนิยายดีๆ สักเล่ม พอใกล้จะจบแล้ว บังคับใจตัวเองให้หยุดอ่านสักสองสามวัน หรือ 2. เก็บแบงก์ 20 ไว้ในหนังสือแล้วก็ปล่อยไป...ถ้าหากคุณหยิบมาเจออีกครั้งจะต้องดีใจแน่ๆ "เงินเราเองนี่ ดีจังเลย"
6. ปล่อยใจให้ล่องลอย
ฝันกลางวันไม่ได้หมายความว่าขี้เกียจเสมอไป เพราะความจริงก็คือในขณะที่เราฝันกลางวัน สมองจะทำงานหนักพอสมควรทีเดียว การปล่อยสมองให้ล่องลอยระหว่างที่เราทำกิจกรรมง่าย ๆ อยู่ จะทำให้เน็ตเวิร์กสมองที่เป็นแหล่งความคิดเชิงตรรกะและแก้ไขปัญหาทำงานพร้อมๆ กับสมองส่วนที่จุดประกายความคิดสร้างสรรค์และความคิดภายใน...บางทีนี่อาจจะได้เวลาที่เราต้องเดินออกจากห้องสี่เหลี่ยมและปล่อยให้สมองโลดแล่นสักชั่วครู่ก็เป็นได้นะคะ
7. เปลี่ยนชีวิตทีละเล็กทีละน้อย
การศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ชี้ว่าสิ่งเล็กน้อย ที่เราทำสม่ำเสมออย่างออกกำลังหรือหันหน้าเข้าหาศาสนา อาจส่งผลต่อชีวิตเราได้อย่างใหญ่หลวง และยังพบว่าคนที่ "กลับออกมา" จากกิจกรรมทางศาสนาจะมีความสุขกว่าคนที่ "กำลังเข้าไป" และถ้ายิ่งออกกำลังกายหรือหันหน้าเข้าหาศาสนาเป็นประจำมากเท่าไหร่ ความสุขก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
8. ดีพอ...ดีแล้ว
ทุกวันนี้เรามีตัวเลือกมากมายในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย ๆ อย่างเสื้อผ้าสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหลาย หรือแม้แต่เรื่องให้ต้องตัดสินใจอย่างแผนเกษียณ แผนออมเงิน ฯลฯ สิ่งต่าง ๆ ที่ประดังเข้ามาทำให้ส่วนใหญ่เราหัวปั่นไปหมด เรากังวลว่า "ถ้าฉันไม่เลือกแล้วเกิดตัวเลือกนั้นมันดีจริง ๆ ล่ะ" ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เราไม่จำเป็นต้องคิดหนักขนาดนั้น ไม่ว่าทางเลือกของเราจะมีมากแค่ไหน เพียงจำกัดให้เหลือตัวเลือกที่ "ดีพอ" แล้วเราจะพบว่าชีวิตไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด
9. รู้จัก "วาง"
หนุ่มสาวหลายคนไม่ตระหนักในเวลาที่สมควรเดินหนีเมื่อสถานการณ์เลวร้ายจริง ๆ ซึ่งหมายถึงการที่เรายืดติดกับสิ่งที่ควรจะยอมปล่อยมือได้แล้วอย่างการทำงานไปวัน ๆ เพราะเราทำงานนี้มานาน ทนกับความสัมพันธ์ไม่เอาไหนเพราะเราไม่รู้จะเลิกอย่างไร หรือแม้แต่เรื่องที่เหมือนไร้สาระอย่างเข้าคิวนานจนแถวข้าง ๆ แซง แต่ก็ยังทนอยู่แถวเดิมเพราะ "ต่อมาตั้งนาน"
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเรายืดติดกับเวลาที่เสีย เงินที่จ่าย รวมถึงความรู้สึกที่เคยมีจนมองไม่เห็นว่าการทนต่อไปไม่ได้ทำให้เรา "ได้" กลับมา ฉะนั้น เลิกเสียเถิดเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก แทนที่จะทนต่อให้คิดเสียว่าคุณยังไม่ได้ "ลงทุน" อะไรทั้งนั้น ถามตัวเองว่า "ถ้าเจอแบบนี้ตั้งแต่แรก ฉันจะทำยังไง"