..........ปีกน้อย...ที่ไม่อาจโบยบิน.
หลังจากชายคนหนึ่งพบรังไหมของตัวอ่อนผีเสื้อ
เขาเฝ้าจับตาความคืบหน้ามาตลอด
กระทั่งได้เห็นรอยปริ ขนาดเล็กปรากฏอยู่ที่ผิวภายนอก ชายคนนั้นจึงนั่งลง
และเฝ้าจับตามองความเคลื่อนไหวของตัวอ่อนผีเสื้ออยู่นานหลายชั่วโมง
เขาเห็นมันพยายามดิ้นรนจะพ้นจากช่องเล็ก ๆของรังไหมให้ได้
แต่เมื่อไม่สำเร็จ เจ้าตัวน้อยก็หยุดเคลื่อนไหว
เหมือนจะยอมรับว่าไม่อาจขืนทำอะไรได้มากไปกว่านั้น
เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะช่วยตัวอ่อนแล้ว...
ชายคนนั้นจึงหยิบกรรไกรขึ้นมาตัด เปิดช่องรังไหมจนกว้างพอที่ตัวอ่อนจะสามารถอ
อกมาได้อย่างง่ายดาย
ตัวอ่อนผีเสื้อน้อยจึงออกมาเผชิญโลกทั้งสภาพร่างกายบวมกลม
ตรงข้ามกับปีกที่มี ขนาดเล็กนิดเดียว!
แต่เขาก็เฝ้าจับตามองตัวอ่อนนั้นต่อไปด้วยความหวังว่า อีกไม่ช้า...
ปีกของมันจะขยายใหญ่ขึ้น
และแข็งแรงพอจะพยุงร่างกายมันได้ เมื่อถึงเวลาอันควร
แต่เมื่อเวลาผ่านไป... กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง!
ผีเสื้อน้อยต้องเดินและคลานไปมาทั้งชีวิต
ด้วยสภาพร่างกายบวมกลมและปีกแห้ง เล็กที่ไม่เคยมีโอกาสจะบินได้
ภายใต้การดูแลอย่างอ่อนโยนของชายผู้หวังดี
สิ่งที่ชายคนนี้ไม่เคยเข้าใจก็คือ ธรรมชาติได้กำหนดมาแล้วว่า
ตัวอ่อนจะออกไปเผชิญโลกได้ก็ต่อเมื่อ
ของเหลวในร่างกายลดน้อยลงจนลำตัวมีขนาด สมดุลกับปีกเท่านั้น
จึงจะสามารถลอดออกจากช่องว่างขนาดเล็กของรังไหมได้ สำเร็จ?
และถ้าตัวอ่อนได้ผ่านการดิ้นรนจนถึงเวลานั้น มันจึงจะเติบโตเป็น ผีเสื้อ
ที่พร้อมโบกบินจากรังได้อย่างอิสระโดยแท้
จึงมีแต่จะทำให้เราพิการและไม่แข็งแรง
การดิ้นรนฝ่าฟันอุปสรรคต่างหากที่เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินชีวิต
ซึ่งจะช่วยให้เรายืนหยัดอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะอย่างนั้น?
ภูมิใจกับการดิ้นรนในวันนี้เถอะ ถ้าคุณหวังจะไปให้ถึงวันดี ๆ
ของชีวิตที่สามารถโบยบิน ได้อย่างเสรี!