คิดน่ะได้...แต่มากเกินไปรึเปล่า
โดยเฉพาะถ้าคิดแต่เรื่องแง่ลบ ก็อาจทำให้ชีวิตของคุณจมดิ่งสู่ความมืดและไร้ความสุขได้
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาจากความคิดในเชิงลบมากกว่าผู้ชาย ซึ่งอาจเป็นธรรมชาติของผู้หญิงที่มีหน้าที่ดูแลคนอื่น ผู้หญิงจึงมีแนวโน้มที่จะวิตกกังวลและหงุดหงิดมากเกินไป ทั้งในเรื่องคนอื่นและเรื่องของตัวเอง และเมื่อความวิตกกังวลและความคิดในเชิงลบทั้งหลายเกิดขึ้นมากเกินไป ก็อาจทำให้คุณจมอยู่ในวังวนของความกลัวและไม่สามารถก้าวไปข้างหน้า เพื่อมีชีวิตของตัวเองต่อไปได้ มาจัดการมันซะก่อนจะสายเกินไป
สารพันความคิดเจ้าปัญหา
1. สร้างเรื่องให้ใหญ่เกินจริง
มักเกิดขึ้นเมื่อคุณรู้สึกว่าถูกให้ลำบากโดยคนอื่น โดยคุณจะไม่นึกถึงสถานการณ์ของอีกฝ่ายหนึ่งเลยแม้แต่นิดเดียว เช่น คุณอาจรู้สึกว่าเจ้านายคิดผิดที่ไม่เลื่อนตำแหน่งให้คุณแล้ว ก็เลยคิดว่า "นี่เขาคงคิดอย่างนี้กับฉัน ตั้งแต่วันแรกที่ฉันเริ่มมาทำงานที่นี่แน่" อันตรายของความคิดแบบนี้ก็คือ คุณอาจมีปฏิกิริยาตอบโต้ที่เกินเลย และทำอะไรลงไปโดยขาดความยั้งคิด อย่างเช่น การลาออกอย่างปัจจุบันทันด่วน
2.ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
มักเริ่มต้นขึ้น เมื่อเรารู้สึกถึงความหงุดหงิดไม่สบายใจในเรื่องทั่ว ๆ ไป หรือกับสถานการณ์บางอย่าง และเมื่อเราเริ่มวิเคราะห์มัน ความคิดของเราก็อาจออกนอกลู่นอกทางจนควบคุมไม่ได้ เช่น "ทำไมฉันถึงได้ไม่สบายใจแบบนี้ คงเพราะฉันไม่มีใครเลย หรือไม่ก็คงเป็น เพราะเรื่องที่ฉันเคยทำมาในอดีต" และก่อนที่คุณจะรู้ตัว เนินเขาเล็ก ๆ ก็จะสะสมตัวกันจนกลายเป็นภูผาสูงชัน และคุณก็อาจรู้สึกซึมเศร้ายิ่งกว่าเดิม จนอาจตัดสินใจอะไรผิด ๆ ก็เป็นได้
3.สับสนอลหม่าน
เมื่อความคิดของคุณฟุ้งซ่าน ความหายนะก็กำลังจะมาเยือน เช่น "ฉันทนกับความเครียดในการทำงานไม่ไหวแล้ว ฉันจะต้องถูกไล่ออกแน่ ๆ เพื่อนสนิทฉันก็ไม่เคยว่างเลย เธอสนใจเพื่อนที่เล่นเทนนิสด้วยกันมากกว่า ฉันจะต้องตายคนเดียวเดี๋ยวโดด ฉันมันตัวปัญหา ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว" เมื่อความคิดของคุณวิ่งวนไปมาเป็นวงกลม คุณก็ไม่มีวันคิดอะไรออก และบ่อยครั้งที่ความคิดเช่นนี้มักชักพาเราไปหายาเสพติดและเหล้า
4.คิดทั้งคืน
บ่อยครั้งที่คนเราชอบครุ่นคิดถึงปัญหาต่าง ๆ ในยามค่ำคืน แต่ส่วนใหญ่ความคิดเหล่านี้มักจะเต็มไปด้วยความกลัวและความวิตกจริต จนคุณไม่อาจมองเห็นปัญหาที่แท้จริง และถ้าคุณนอนไม่หลับทั้งคืน วันรุ่งขึ้นคุณก็จะไม่มีแรงพอที่จะรับมือกับปัญหาได้อยู่ดี ฉะนั้น ถ้าคุณคิดซ้ำซากมากกว่า 15-20 นาที ลุกออกจากห้องนอนไปซะ หาอะไรทำสักพัก ก่อนจะเข้านอนใหม่อีกครั้ง
จัดการกับมัน...เดี๋ยวนี้
ให้มันได้พักบ้าง
ครั้งต่อไปที่คุณเริ่มคิดวกวนและรู้สึกไม่สบายใจ ลุกขึ้นและทำอะไรสักอย่างที่คุณชอบ เช่น ทำอาหาร อ่านหนังสือ หรือไปหาเพื่อน ในการศึกษาวิจัยของนักจิตวิทยาระบุว่า แค่การเบี่ยงเบนเพียง 8 นาทีก็มากพอแล้ว ที่จะหยุดวงจรความคิดซ้ำซากได้ และเมื่อรูปแบบของความคิดแบบนี้ยุติลง พร้อมกับการได้ทำกิจกรรมที่พึงพอใจ จะทำให้เราปลอดโปร่งพอที่จะแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง
ไล่มันไป
วิธีง่าย ๆ แต่ได้ผลในการหยุดความคิดในเชิงลบที่หลั่งไหลเข้ามา ก็คือตะโกนคำว่า "หยุด" ในหัว
ให้โอกาสมัน
ถ้าคุณไม่อาจเพิกเฉยต่อความคิดบางเรื่อง และจำเป็นต้องครุ่นคิดถึงมันจริง ๆ ก็หาเวลาคิดซะ กำหนดเวลาว่าจะคิดถึงเรื่องนี้ในตอนเย็นหรือหลังกินอาหารเช้า มันจะทำให้คุณมีช่องว่างที่จะจัดการกับปัญหาโดยไม่ต้องรีบร้อน คุณจะผ่อนคลายมากขึ้น และอาจแก้ปัญหาได้ดีขึ้น
คุยให้กระจ่าง
ถกเถียงในเรื่องความคิดที่เป็นพิษกับเพื่อน ๆ เพื่อการตรวจสอบความจริง แต่ระวังเพื่อนที่เจตนาดีซึ่งเอาแต่เห็นด้วยกับคุณ เพราะอาจทำให้คุณเชื่อมากขึ้นไปอีกว่า คุณถูกแล้วที่คิดในแง่ลบแบบนั้น
เขียนมันออกมา
การเขียนความคิดด้านมืดของคุณลงบนกระดาษอาจช่วยให้คุณเห็นสิ่งต่าง ๆ ชัดเจนขึ้น และแยกแยะปัญหาได้ดีขึ้น แต่อย่าอ่านมันโดยไม่พยายามแก้ไข คุณต้องมองมันเป็นแบบฝึกหัดในการแก้ปัญหา ไม่ใช่การยืนยันความเชื่อของตัวเอง
ที่มา