Entry นี้ มีแรงบันดาลใจจากคำถามของเพื่อนชาวต่างชาติผู้ที่กำลังพยายามศึกษาภาษาและ วัฒนธรรมไทย ที่เธอถามผมว่า "คนไทยรัก The King (ในหลวง) มากเลยใช่มั้ย เห็นตอน The King เข้าโรงพยาบาล คนไทยไปเยี่ยมกันมาก " แล้วยังถามอีกว่า (คำถามsheฟังยาก ผมแปลเลยแล้วกัน) "ทำไมในหลวงดูทรงพระดำเนินลำบาก ทั้งๆที่พระชนมายุร่วมรุ่นกับ Queen ของประเทศ she แต่ Queen ของประเทศ She ยังทรงพระดำเนินคล่องอยู่เลย" อืม ผมตอบเธอไปว่า "เรารักในหลวงที่ซู้ดดดดดดดด และสำหรับผมในตอนนี้หากผมป่วยแทน แล้วพระอาการของในหลวง ดีขึ้นได้ ผมก็ยินดีป่วยแทนอย่างไม่ลังเลเลยหล่ะ" ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมในหลวงทรงพระดำเนินไม่ค่อยคล่องนั้น ผมตอบเธอไปว่า "ในหลวงของเราทรงงานหนักมาก หนักมากอย่างที่เธออาจจะคาดไม่ถึงทีเดียว"
เมื่อสิ้นพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 ผู้ทรงงามทั้งพระสิริโฉม งามทั้งพระราชจริยวัตร
ผู้ทรงริเริ่มปฏิบัติพระราชภารกิจอย่าง “พระเจ้าแผ่นดินยุค ใหม่” เสด็จฯ
เยี่ยมเยียนพสกนิกรอย่างใกล้ชิด โดยมีพระอนุชาธิราช ทรงร่วมปฏิบัติพระราชภารกิจอย่างเข้มแข็ง
ประชาชน ไทยก็รู้สึกเหมือนสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ความหวังอันเรืองรองที่ฉายโชนอยู่ไม่กี่วัน ก่อน
มาบัดนี้เหมือนจะ “ไม่มีอีกแล้ว”
นี่คือ พระราชดำรัสอันเข้มแข็งที่กลายเป็นเปลวเทียนส่องสว่างกลางความมืดมน
“พระเจ้าอยู่หัวยัง อยู่ พระอนุชาต่างหากที่ไม่มีแล้ว”
มีคนเคยนำจำนวนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มาหารด้วยจำนวนปีที่ทรงครองราช พบว่า "พระเจ้าอยู่หัวทรงคิดโครงการพระราชดำริ สัปดาห์ละ 5 โครงการ" แล้วชีวิตเราเล่าเคยทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน สักสัปดาห์ 5 ชิ้นมั้ย (สำหรับผม ชิ้นเดียวก็หรูแล้ว)
ครั้งหนึ่งขณะเสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ผู้สื่อข่าวต่างประเทศคนหนึ่งได้ขอพระราชทานสัมภาษณ์ และได้กราบบังคมทูล ถามว่า
การที่ เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรและมีโครงการตามพระราชดำริเกิดขึ้นมากมายนั้น
ทรงหวังว่าจะให้คอมมิวนิสต์น้อยลงใช่หรือไม่
พระบาทสมเด็จพระอยู่หัว ทรงมีรับสั่งตอบว่า
มิได้ทรงสนพระทัยว่าคอมมิวนิสต์จะน้อยลงหรือไม่
แต่ทรงสนพระทัยว่าประชาชนของพระองค์จะหิวน้อยลง
(ข้อมูลจาก “พระเจ้าอยู่หัว” กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช 2530)
แต่ละปีที่เสด็จฯ และเป็นที่มาแห่งการเสด็จพระราชดำเนินย่ำพระ บาทไปทรงรับฟังทุกข์ของประชาชน จากปากคำของประชาชน ถึงบ้านของประชาชน สำนักราชเลขาธิการ ได้เคยบันทึกไว้ว่า ในแต่ละปีเสด็จฯ ออกปฎิบัติพระราชกรณียกิจราว 500-600 ครั้ง รวมเป็นระยะทาง ประมาณ 25,000 ถึง 30,000 กิโลเมตร (แบบนี้ไงเดี๋ยวนี้ในหลวงจึงทรงพระดำเนินลำบาก)
(จาก “พระธรรมิกราชของชาว ไทย” จัด พิมพ์โดย กรมศิลปากร พ.ศ. 2530)
คุณย่าเล่าให้ฟังว่า เมื่อปีที่ผมเกิดนั้น น้ำท่วมใหญ่ทั่วกรุงเทพฯ(เอ๊ะ .... หมายความว่าเราเป็นตัวน้ำท่วมป่าวหว่า) เดือดร้อนกันไปทั่ว เย็นๆวันหนึ่ง มีคนวิ่งไปวิ่งมาแถวๆทางรถไฟข้างบ้าน และตะโกนว่า"ในหลวงมา ๆ" คนแถวนั้นไม่มีใครเชื่อเพราะน้ำท่วมเกินรถจะวิ่งได้ ถ้าในหลวงจะเสด็จฯ คงต้องนั่งเรือ หรือเดินลุย มาเท่านั้น แต่ ....... ภาพที่ปรากฎแก่ตาแก่ใจของประชาชนย่านบ้านผมตอนนั้น คือ พระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระบาทเป็นรองเท้าผ้าใบและทรงพระดำเนินลุยน้ำ มาตามทางรถไฟ เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร โดยมีผู้ติดตามเพียงไม่กี่คน และทรงแวะตรัสถามทุกข์สุขประชาชน เป็นระยะๆ และทรงจดบันทึกด้วยพระองค์เอง ..... หลังจากนั้นไม่ถึงวันน้ำก็ลดลงจนสู่ภาวะปกติ
ภาพนี้แหละครับตอนที่ในหลวงเสด็จทอดพระเนตรพื้นที่น้ำท่วม ย่านบ้านผม
...พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวรัชกาลก่อนๆ ทรงครองแผ่นดิน
แต่พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลนี้ทรงครองหัวใจคน...”
หม่อม ราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
(คัด ลอกข้อความจาก หนังสือ "ครองใจคน" และจากห้องเฉลิมไทย เว็บพันทิบ รูปจากเว็บ thaimonarchy.com)
ไงคุณเพื่อนหัวทอง ยังสงสัยอยู่มั้ยว่าทำไม
"คน ไทยรักในหลวง"
ส่วนเพื่อนคนไทยทั้งหลาย รักกันนะครับ อย่าให้เรื่องใดๆ ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทอีกเลย
ผมเองก็จะตั้งใจทำงานครับ จะตั้งใจสอนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้แก่นิสิตรุ่นต่อๆไปอย่างเต็มกำลัง
ทรงพระเจริญ ครับ