Walt Disney's Haunted Mansion ย้อนกลับไปในช่วงปี 1950 วอล์ท ดีสนีย์ ( Walt Disney ) และ นักออกแบบศิลป์ ( Conceptual Artist ) นามว่า ฮาลเปอร์ กอฟฟ์ ( Harper Goff ) และ จินตวิศวกร ( Imagineer ) นามว่า เคน แอนเดอร์สัน ( Ken Anderson ) ได้สรุปรูปแบบ และแปลน สวนสนุก ดีสนีย์แลนด์ ( Disneyland theme park ) ซึ่งประกอบไปด้วย เมืองเล็กๆ ถนนหลัก ( Main Street ) และ บ้านผีสิง ( Haunted House ) ที่มาจากตำนานปรัมปรา เรื่องโจษจันน่าสพึงกลัว มากมาย มารวมกัน และด้วยเทคนิค และเทคโนโลยีที่ทาง วอล์ท ดีสนีย์ มีจากการถ่ายทำภาพยนต์ ที่นำมาผสมผสาน จนลงตัวอย่างที่สุด นำมาสู่ บ้านผีสิง ที่ น่ากลัวที่สุด และ ดีที่สุด
บ้านผีสิงที่ดีและน่ากลัวที่สุดในโลก
The Facade
ตัวอาคาร ตกแต่งเป็นแบบบ้านสองชั้น สร้างด้วยอิฐแดง ตกแต่งด้วยเหล็กดัดแบบโบราณ ทำให้เก่าโดยเป็นสนิมเขียว อย่างสวยงามแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว แต่ส่วนตัวอาคารนี้เป็นเพียงอาคารหลอกๆ ให้ดูสวยงามและน่ากลัว แต่ส่วนที่เป็นบ้านผีสิงจริงๆนั้น จะเป็นอาคารคล้ายสตูดิโอ ซ่อนอยู่ด้านหลัง
Queue Areas
เป็นพื้นที่สำหรับรอคิวเรียกเข้าบ้านผีสิง เนื่องจากภายในบ้านผีสิงจะต้องนั่งรถชม จึงจำกัดนักท่องเที่ยวเนื่องจากในบางครั้งปริมาณรถไม่เพียงพอ ภายในตกแต่งได้ร่มรื่นสยอง เนื่องจากตกแต่งเป็นแบบสุสาน
Foyer
โถงหน้าบ้าน เมื่อผ่านส่วนรอคิวเข้ามาแล้ว ก็จะพบส่วนประตูทางเข้าบ้านผีสิง คุณจะพบประตูเข้าไปสู่ห้องโถง ( Foyer ) ภายในห้องโถงมีแสงสลัวๆ จากแสงสว่างจากโคมระย้าคริสตัล แชนเดอเลียร์ ( Crystal chandelier ) และเชิงเทียน โดยเปลวเทียนสั่นไหวไปคล้ายต้องสายลม และการตกแต่งภายในเป็นแบบกอธิค ( Gothic เป็นสถาปัตยกรรมที่นิยมในยุโรปช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12-15 ) กับกลิ่นอายแห่งความตาย กับเสียงต้อนรับว่า " ยินดีต้อนรับ เหล่ามนุยษ์ผู้โง่เขลา..... เข้าสู่บ้านผีสิงแห่งนี้ ( Welcome, foolish mortals... to the Haunted Mansion! ) "
และเมื่อมองตรงเข้าไปจะพบรู้ภาพชายหมุ่มรูปงามติดอยู่ที่ผนัง แต่เขาก็จะเริ่มแก่ตัวลงอย่างรวดเร็วจนเหลือแต่โครงกระดูก
Hallway
โถงทางเดิน เป็นทางเดินยาว บนผนังมีหน้าต่างที่ทำเทคนิคพิเศษว่าภายนอกกำลังเกิดฝนฟ้าคนองอย่างหนัก มีสายฟ้าผ่า และมีฟ้าแลบ ฟ้าร้องดังอยู่ในโถงทางเดินตลอด เท่านั้นยังไม่พอบนฝาผนังจะประดับประดาไปด้วยภาพเขียนมากมาย แต่เมื่อเกิดฟ้าแลบขึ้นรูปภาพเหล่านั้นจะปรากฏเป็นผีร้าย เมื่อต้องแสง
Loading Doom Buggies
บริเวณสถานีขึ้นรถ ดูมบักกี้ ซึ่งระยะช่วงต่อไปทั้งหมดจะต้องใช้ รถดูมบัึกกี้ ในการเที่ยวชม มันจะลากคุณดำดิ่งสู่ขุมนรกแห่งความตื่นเต้น
ข้อมูลเฉพาะรถ ดูมบักกี้ wowboom
•รถดูมบักกี้ ทีจำนวน 160 คัน
•สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วประมาณ 0.6 เมตร / วินาที
•รถดูมบักกี้ออกแบบมาเป็นรูปทรง เปลือกหอย ( Clamshell ) ทาสีดำ
•สามารถนั่งได้สูงสุด 3 คน/คัน
•ภายในมีการติดตั้งระบบเสียงสเตอริโอ ตัวรับสัญญาณ เพื่อสร้างเสียง เพื่อส่งเสียงเอ็ฟแฟ็คต่างๆ
•สามารถวิ่งกระตุกเดินหน้า กระตุกถอยหลัง หมุน 360 องศา เพื่อสร้างบรรยกาศพลึง ต่างๆตามแต่โอกาศ
Ghostly Library
หลังจากขึ้นรถดูมบักกี้ มันจะนำคุณเข้าสู่พื้นที่ที่เรียกว่า หอสมุดผีสิง ( Ghostly Library ) โดยแต่งเป็นหอสมุด ที่มีชั้นวางหนังสือทำจากไม้สีเข้ม ภายในชั้นมีหนังสือวางอยู่เต็ม สลับกับรูปปั้น 3 ตัว เมื่อรถดูมบักกี้แล่นผ่าน หนังสือภายในชั้น จะคล้ายกับมีมือที่มองไม่เห็นดึงออกบ้าง เข้าบ้าง หนังสือที่ตกอยู่ที่พื้นก็จะเริ่มเคลื่อนไหวคล้ายกับมีชีวิต รูปปั้นที่สงบนิ่ง ก็เหมือนกับจ้องมองอย่างไม่วางตา
Staircases Endless
เมื่อผ่านหอสมุดผีสิง จะเข้าสู่พื้นที่ บันไดไว้สิ้นสุด จะสร้างเป็นบันได้จำนวนมาก สลับซับซ้อนกันไปมา เป็นเขาวงกต ไว้ซึ่งจุดสิ้นสุด บ้างก็กลับหัวทำให้คิดว่ามนุษย์คนใดจะสามารถใช้บันใดนี้ได้ นอกจากผ..ผ.ผีเท่านั้นที่จะสามารถเดินผ่านบันไดนี้ได้
Conservatory
เมื่อผ่านพื้นที่ บันไดไว้สิ้นสุด( Staircases Endless ) ทางวอล์ท ดีสนีย์( Walt Disney ) ได้นำเทคนิคการเปลี่ยนฉากที่ชาญฉลาดอย่างยิ่งมาใช้ คือ ให้รถบูมบักกี้วิ่งผ่านป่าทึบที่มีต้นไม้จำนวนมากบดบังสายตา และเมื่อใกล้พ้นชายป่า จะมีแสงสว่างวาบขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการตาดับชั่วคราว เมื่อสายเริ่มชินกับความมืดซักพัก ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็คือ คุณได้เข้ามาอยูในเรือนกระจก ที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด กับหีบใบใหญ่
The Corridor of Doors
ระเบียงประตูผี คือส่วนต่อมาที่นักท่องเที่ยวจะได้พบ มันเป็นระเบียงทางเดินแคบ ที่มีประตูห้องอยู่เบื้องหน้าสุดลูกหูลูกตา กับผนังสีม่วงหม่น ลวดลายสีดำ และดวงตานับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองคุณอยู่ กับการตกแต่งสุดสยอง กับเหตุการณ์ประหลาด
The Seance Circle
หลังจากหนีออกมาจากระเบียงประตูผี ได้ในเสี้ยววินาทีสุดท้ายเข้าไปแอบอยู่ภายใน ห้องประชุมทรงกลม ( The Seance Circle ) เป็นห้องทรงกลมแต่สิ่งที่เห็นเด่นที่สุดภายในห้องนี้คือโต๊ะทรงกลม ตรงกลางมีลูกแก้วพยากรณ์วางอยู่กลางโต๊ะ โดยรอบมีไพ่ทาโร่วางอยู่โดยรอบ และเมื่อมองลึกเข้าไปในลูกแก้วพยากรณ์กลับพบว่ามัมมีบางสิ่งที่ไม่ปกติ
The Grand Hall
หลังจากออกมาจากห้องประชุมทรงกลม ( The Seance Circle ) ก็มุ่งหน้าสู่ ห้องโถงใหญ่ ( The Grand Hall ) ภายในห้องมีโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ บนโต๊ะจัดเรียงไปด้วยถ้วยชามจำนวนมาก เหมือนจะมีงานเลี้ยงใหญ่ในคืนนี้ เหนือขึ้นไปเป็นฟลอร์เต้นรำเปล่า โดยในห้องนี้ คืนนี้ จะเกิดปรากฏการณ์ทางวิญญาณ ครั้งใหญ่ขึ้น
The Attic
คงต้องรีบหนีกันแล้ว หากพวกมันเห็นคุณเข้า เมนูอาหารคงเป็นคุณแน่ๆ รถดูมบักกี้พาคุณหนีขึ้นไปแอบบนห้องใต้หลังคา ( The Attic ) ที่สุดแสนจะรก และสกปรก เรื่องราวถูกผูกเข้ากับตำนาน " เจ้าสาวในห้องใต้หลังคา (The Bride in the Attic) "
ตำนานกล่าวไว้ว่า ย้อนกลับไปนานเท่านาน แต่ไม่นานพอจะให้รักเสื่อมคลาย กัปตันเกรซีว่าที่เจ้าบ่าว พบว่าเ้จ้าสาวแสนสวย เล่นชู้กับ ชายหนุ่ม ห้องใต้หลังคา ด้วยความโกรษอย่างที่สุด เกรซีได้ใช้ดาบตัดหัวชายชู้ เจ้าสาวแสนสวยผู้หัวใจสลาย ก็หนีออกจากงานแต่งงานในวันรุ่งขึ้นทั้งชุดเจ้าสาว มากระโดดฆ่าตัวตายจากหน้าต่างในห้องใต้หลังคา กัปตันเกรซีผู้โศกเศร้ากับการจากไปของคนที่รัก ก็มาผูกคอตาย กับขื่อในห้องใต้หลังคา เป็นการเปิดตำนานรักมรณะ " เจ้าสาวในห้องใต้หลังคา "
The Graveyard Jamboree
หลังจากหนีออกจากห้องใต้หลังคา จากทางหน้าต่าง รถดูมบักกี้ก็ค่อยๆไหลถอยหลังตกลงสู่ป่าปีศาจ (จุดไคลแม็คของการนั่งรถดูมบักกี้คือจุดนี้ที่รถดูมบักกี้ไหลจากหน้าต่างในระดับสูงลงสู่พื้น) คุณสามารถหนีออกจากบ้านผีสิงได้แล้ว แต่ยังวางใจไม่ได้ต้องหนีให้ไกลที่สุด รถดูมบักกี้จะค่อยๆเคลื่อนต่อไปยัง ป่าช้าจัมโบรี ( The Graveyard Jamboree ) ผ่านประตูทางเข้าป่าช้า
Creepy Crypt
หลังผ่านผีร้าย ในบัญชาของ มาดามลีโอทา ก็จะมุ่งหน้าลงสู่ห้องใต้ดิน (Creepy Crypt ) นักท่องเที่ยวจะได้พบกับ แก็งค์ผี 4 ตนที่เป็นสัญลักษณ์ของบ้านผีสิงนี้ที่มีชื่อแก็งค์ว่า " Hitchhiking Ghosts " ผีทั้ง3 ตนยืนยกนิ้วโป้งเพื่อส่งสัญญาณอะไร หา 3 ตน แล้วอีกตนหนึ่งหายไปไหน เร็วกว่าความคิด เมื่อมองข้าไปในกระจกตามนิ้วหัวแม่มือของผีทั้งสามตน กับพบว่า เจ้าผีที่ชื่อว่า Ezra กับมาปรากฏตัวอยู่ในรถดูมบักกี้ คงอยู่ไม่ไหวแล้วคงต้องสละรถดูมบักกี้กันเสียที ( เป็นการผูกเรื่องได้อย่างชาญฉลาดมาก ในการจบทิปเดินทางด้วยรถดูมบักกี้ ทำไม? ก็มีผีในรถจะอยู่หรือก็ต้องลงรถ และเป็นการจบการเดินทาง )