10 อันดับ ปริศนาจากประวัติศาสตร์โลก
♣ ปริศนาจากประวัติศาสตร์โลก ♣
อันดับ 10 Rongorongo
Rongorongo รองโกรองโก้ เป็นอักษรภาพที่แม้ปัจจุบัน ก็ไม่มีใครหน้าไหนอ่านออก ซึ่งมันสลักในไม้กระดานปักหลุมศพ ของชาวเมืองราโน รากาผม ซึ่งอาศัยในเกาะเล็กๆ ที่ตั้งในกลางมหาสมุทรแปซิฟิค นอกจากภาษาแล้วนักโบราณคดียังไม่รู้เลยว่า ชาวพื้นเมืองนี้อาศัยเกาะนี้อย่างไร ในเมื่อมันไม่มีอาหาร ไม่มีพื้นบ้าน หรือกระทั่งประวัติศาสตร์ ก็ไม่มีใครกล่าวถึงพวกเขาเลยสักบท
อันดับ 9 Helike เมืองที่หายไป
กวีชาวกรีกที่โด่งดัง Pausanias บันทึกไว้ว่า เมืองที่ชื่อ Helike ถูกแผ่นดินไหวก่อน ทำให้กลายเป็นเมืองร้าง แล้วตามด้วยสึนามิรุนแรง ที่กวาด ทุกอย่างพินาศเกินกว่าจะแก้ไข พวกอาร์เคเดียน พยายามบูชาเทพแห่งทะเล อย่างโพไซดอนหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีใครพบเมืองแห่งนี้อีกเลย จนปี 1861 นักโบราณคดีได้ พบเหรียญบรอนซ์ ที่เชื่อกันว่ามาจากเมือง Helike และในปี 2001 พวกเขาได้พบ ซากของเมือง Helike ใต้แอตแลนติส
อันดับ 8 The Bog Bodies
แม้แต่ CSI (เคยทำเป็นหนัง) ยังยอมแพ้ กับการสืบเรื่อง Bog Bodies เมื่อได้มีการค้นพบศพกว่าร้อย แถบด้านเหนือของยุโรป ล้วนเป็นศพที่ถูก รักษาอย่างดี บางศพมีอายุถึง 2,000 ปี ทุกศพถูกจัดด้วยท่าทางคล้าย กำลังพยากรณ์อะไรบางอย่าง ท่าทางเช่นนั้นทำให้คนเชื่อกันว่า พวกเขา ถูกจับมาบูชายัญ แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ว่าคืออะไรกันแน่???
อันดับ 7 ความพ่ายแพ้ของจักรพรรดิ Minoans
นักประวัติศาสตร์ล้วนแล้วแต่สงสัยว่าอะไร ทำให้จักรวรรดิโรมันต้องแตก และอะไร ทำให้จักรพรรดิ Minoans สูญเสียอาณาจักรของพระองค์ เชื่อกันว่าในยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของจักรพรรดิ ได้เกิดการระเบิดของภูเขาไฟ ผลการตรวจสอบผืนดิน บริเวณนั้น ทำให้นักโบราณคดีคาดเดาว่า การระเบิด ครั้งใหญ่ทำให้อาณาจักรต้องล่มสลายลง แต่ก็เป็นแค่เดา เพราะมันไม่มีหลักฐาน ว่ามีเศษขี้เถ้าภูเขาไฟอยู่บริเวณนี้เลย
อันดับ 6 The Carnac Stones
ถ้าเชื่อว่าสโตนเฮ้นจ์ยิ่งใหญ่แล้ว อนุสรณ์ Carnac Stone ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ที่ชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศฝรั่งเศส เต็มไปด้วย หินกว่า 3,000 ก้อนเรียงรายกัน เป็นระยะทางถึง 12 กิโลเมตร จากความเชื่อท้องถิ่น เชื่อกันว่าหินนี้มีประวัติศาสตร์สัมพันธ์ กับพ่อมดเมอร์ลิน ส่วนหลักฐานจากนักวิทยาศาสตร์ ที่ศึกษาหินนี้มากว่า 30 ปี พวกเขาคาดเดาว่า หินเหล่านี้น่าจะไว้ใช้จับแรงสั่นสะเทือน ของแผ่นดินไหว แต่เรื่อง คนสร้างนั้น ไม่มีใครรู้
อันดับ 5 ใครคือโรบิน ฮู้ด
ตำนานน่าสนใจของป่าเชอร์วู้ด กษัตริย์ร้าย ๆ และดาบศักดิ์สิทธิ์เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก แต่นักประวัติศาสตร์ไม่ค่อยแน่ใจว่ามีโรบิน ฮู้ด ตัวจริงหรือไม่ ความเป็นไปได้น่ะมีอยู่ แต่ก็ยังไม่มีใครหาหลุมฝังศพ ของวีรบุรุษสุดเท่คนนี้พบเสียที หรือว่ามันจะเป็นแค่ตำนานกันนะ แต่จากการสันนิษฐาน ว่ากัน ว่าโรบิน ฮู้ดเป็นชายที่อาศัยอยู่ในเวคฟิลด์ ประเทศอังกฤษ ในปี 1290 และต่อสู้ กับกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 2 เพื่อเจ้านายของเขา แต่ต้องพ่ายแพ้ และหนีเข้าป่าบาร์นเดล ซึ่งถนนเกร์ทนอร์ทตัดผ่าน ซึ่งเหมาะแก่การตักปล้น และสิ้นสุดในปี 1429 ซึ่งไม่รู้จะเป็นโรบิน ฮู้ดหรือไม่ แต่เรารู้จักเขาใน นามโจรคุณธรรมปล้นคนรวยช่วยคนจน
อันดับ 4 กองทัพที่หายไปของชาวโรมัน
หลังจากกองทัพของเครซซุส แห่งโรมันพ่ายแพ้ ต่อพวก Parthians สิ่งที่น่าตกใจก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ ๆ พวกเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และอีก 17 ปีต่อมา นักประวัติศาสตร์ชาวจีน ได้บันทึกเรื่องราวของกองทัพประหลาด ที่คล้ายกับทหารโรมัน ที่อยู่ๆ ก็ปรากฏตัวที่ทะเลทรายโกบี จากการตรวจสอบดีเอ็นเอของแพทย์ ยุคปัจจุบัน พวกเขาพบว่าดีเอ็นเอเหล่านั้นไม่ใช่ของชาวจีน แต่เป็นของชนต่างชาติ ผิวขาว ผมทอง และนัยน์ตาสีเขียว และมันคืออะไรกันแน่
อันดับ 3 The Voynich Manuscript
The Voynich manuscript คือ ชื่อของหนังสือ ที่อ่านยากที่สุดในโลกมีอายุ 500 ปี และถูกค้นพบที่ห้องสมุดเก่าแก่ของโรม มีทั้งหมด 240 หน้า เขียนเป็นภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ และยังคงเป็นปริศนามาจนทุกวันนี้ จากการคาดเดาเชื่อกันว่ามันเป็นหนังสือกฎหมาย... แต่ในหลายหน้า ก็มีรูปภาพภายในเล่ม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพของพืชพันธ์คล้ายสมุนไพร และแผนผัง ดาราศาสตร์ จึงเข้าใจว่า น่าจะเป็นสมุดบันทึกทางสายวิทยาศาสตร์มากกว่า
อันดับ 2 The Tarim Mummies
จากการตรวจสอบบริเวณตะวันตกของประเทศจีน โดย Tarim Basin นักโบราณคดี เขาได้พบมัมมี่กว่า 100 ตัว ที่มีอายุถึงกว่า 2,000 ปี ในตอนแรก ทุกคนคิดว่าเป็นมัมมี่ชาวจีน แต่ต่อมาเมื่อศาสตราจารย์ Victor Mair ได้ตรวจสอบดีเอ็นเอของเหล่ามัมมี่ ผลที่ออกมา กลับกลายเป็นว่าพวกมัมมี่ มีดีเอ็นเอของชาวยุโรป ดังนั้น จึงเป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมคนยุโรปมาลงเอย เป็นมัมมี่อยู่ที่จีนได้...
อันดับ 1 การหายไปของอารยธรรม Indus Valley
Indus Valley คืออารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุด ของอินเดีย เชื่อกันว่าแพร่หลายจากอินเดียตะวันตก ไปจนถึงอัฟกานิสถานเลยทีเดียว มีประชากรในชุมชน อยู่ถึง 5 ล้าน และเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าอารยธรรมไหน ๆ เมื่อนักโบราณคดีมาพบ พวกเขาประทับใจอารยะธรรมนี้มาก แต่ที่น่าแปลกใจคือ...ไม่มีใครระบุได้เลยว่า อารยะธรรมสิ้นสุดที่ไหน อย่างไร ไม่มีหลักฐานของการสู้รบใดๆ อารยะธรรมแห่งนี้เพียงแต่สูญสลายไปอย่างนั้นหรือ? ไม่มีใครตอบ คำถามนี้ได้เลย
เครดิต ... ท๊อปเทน