เมื่อแสงของสีผ่านเข้าไปในร่างกาย มันจะส่งผลกระทบกับต่อมไร้ท่อสำคัญๆ เช่น ต่อม Pituitary ต่อมใต้สมองที่ขับฮอร์โมนที่มีผลต่อการทำงานหลายหน้าที่ในร่างกายคนเรา ควบคุมการทำงานของระบบต่อมไร้ท่ออื่นๆ ให้มีการสร้างฮอร์โมน เช่น ต่อมไทรอยด์ ต่อมหมวกไต ฮอร์โมนช่วยในการเจริญเติบโต (Growth hormone) และการทำหน้าที่ของระบบสืบพันธุ์ อัณฑะ รังไข่ รวมถึงควบคุมระดับพลังงาน (energy levels) การเผาผลาญ (metabolism) ความอยากอาหาร แรงขับทางเพศ (sex drive) การเจริญเติบโต และการนอนหลับ ตัวอย่างเช่น...
สีแดง จะกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วแรงขึ้น ตลอดจนกระตุ้นการหลั่ง Adrenaline ซึ่งทำให้คนเราอยากอาหาร และมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น แต่ถ้าคุณอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีแต่สีแดงนานๆ คุณอาจจะรู้สึกเหนื่อยหรือเครียดได้เหมือนกัน
สีเหลือง จะกระตุ้นคลื่นสมอง และทำให้จิตใจตื่นตัว กระฉับกระเฉง มองโลกในแง่ดี
สีฟ้า อิทธิพลของสีฟ้าจะทำให้คนเรารู้สึกสงบ เยือกเย็น รู้สึกผ่อนคลาย
ดังนั้นสีต่างๆ จึงมีความสำคัญต่อการสร้างความสมดุลระหว่างจิตใจ ร่างกาย และอารมณ์ของคนเรา เมื่อมีสีฟ้าเป็นสีเย็น และสีแดงเป็นสีร้อน การใช้ทั้งสองสีนี้ก็จะให้ความรู้สึกสมดุลขึ้น การที่คนเราจะเลือกใช้สีห้อง สีบ้าน หรือสีเสื้อผ้าอย่างไร จึงสะท้อนให้รู้ว่าเรานั้นเป็นคนอย่างไร มีความรู้สึกและอารมณ์ในช่วงขณะนั้นอย่างไรด้วย
ใช้สีที่แตกต่างกันอย่างไรดี
สีที่ทรงอิทธิพลต่อความ รู้สึกของคนเรามากที่สุด เห็นจะเป็นสีของห้องที่เราอยู่ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงานหรือที่ใดๆ ก็ตามที่เราได้เอาตัวเข้าไปอยู่ที่นั่น ในกรณีที่คุณเป็นผู้เลือกสีห้อง มีหลักอยู่ว่าควรให้มีความกลมกลืนระหว่างเฉดสีร้อนและสีเย็น หากดูในวงจรสีจะเห็นว่าคู่สีตรงข้ามกันบางครั้งกลับจะเข้าคู่กันได้ดี หรือเฉดสีตัวถัดไปก็จะเข้ากันได้ดีเช่นกัน ตัวอย่างเช่น
* สีแดงจะไปได้ดีกับสีส้ม และม่วง แต่งด้วยสีเขียวเล็กน้อยก็จะลงตัวยิ่งขึ้น
* เมื่อสีส้มไปกันได้ดีกับสีแดงและเหลือง เติมด้วยสีฟ้าเล็กน้อยก็จะทำให้ดูครบยิ่งขึ้น
* เช่นเดียวกัน เมื่อใช้สีเหลือง เข้ากับสีส้ม และเขียว ลองเติมสีม่วงอีกนิด
* สีเขียวไปกันได้ดีกับสีเหลือง และฟ้า เติมด้วยสีแดงนิดหน่อยกำลังดี
* สีฟ้าเข้ากันกับสีเขียวและม่วง เติมสีส้มเล็กน้อยก็ให้ความรู้สึกที่ดี
* สีม่วงไปกันได้ดีกับสีแดงและฟ้า ให้เพิ่มเหลืองนิดหน่อย
สีมีอิทธิพลต่อคนเรามากแค่ไหน !
Keywords ของสี
ถ้าคุณช่างสังเกตสักหน่อย จะเห็นว่า สีแต่ละสีนั้นถูกนำมาใช้ในกาลเทศะตามความเหมาะสมต่างกัน เพราะโทนสีต่างๆ ให้ความรู้สึกหลากหลายซึ่งอาจตีความได้มากมาย
สีม่วง ดูเป็นสีผู้ดี แบบชนชั้นสูง สง่างามสง่างาม หรูหรา มีความวิจิตรบรรจง แสดงถึงสัญชาติญาณ ชวนฝัน ให้ความรู้สึกลึกลับถึงจิตวิญญาณ แต่ในบ้านคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้เลือกใช้สีม่วงเป็นสีพื้นฐาน แต่กระนั้นมันก็ยังคงมีความสัมพันธ์กับจิตใจ เช่น หากว่าคุณต้องการสมาธิลึกล้ำ คุณอาจต้องการห้องที่มีบรรยากาศนิ่งขรึมหน่อย สีม่วงนี่แหละที่เหมาะที่สุด มันเป็นสีที่หนัก ดังนั้นควรใช้แต่น้อย เพราะถ้าใช้สีม่วงกับห้องทั้งห้องแทนที่จะดูสง่างามมีมนต์ขลังแต่กลับจะให้ ความรู้สึกกดดันมากเกินไป
สีชมพู เป็นเฉดสีแดง แต่มีสีขาวผสมเล็กน้อย น่าทะนุถนอม สงบเยือกเย็น ให้ความรู้สึกถึงความเป็นแม่ แต่เป็นสีที่ให้พลังและอบอุ่นใจ มีการทดสอบกับนักโทษในราชนาวี สหรัฐในซีแอตเติล ในปี 1978 พบว่าคนเหล่านั้นจะมีอารมณ์สงบลงหลังจากถูกกักตัวให้อยู่ในห้องสีชมพูนาน 15 นาที และอารมณ์สงบนี้ยังอยู่ต่อเนื่องอีก 30 นาทีหลังจากถูกปล่อยตัวออกจากห้อง เนื่องจากสีชมพูจะทำให้เกิดการหลั่งฮอร์โมนอดรีนาลีนออกมา ซึ่งจะทำให้การเต้นของกล้ามเนื้อหัวใจช้าลง ความเครียดและความก้าวร้าวก็น้อยลงไปด้วย สีชมพู จะช่วยประสานความรู้สึกให้อ่อนโยนลง บำรุงความรัก เป็นสีที่โรแมนติก ดังนั้นจะเห็นว่าคนที่กำลังมีความรักมักจะถูกล้อว่าหัวใจรักสีชมพู สีนี้จึงมีสรรพคุณเข้าท่าน่าลองใช้เป็นสีห้องนอนของคนที่หย่าร้างกัน
สีแดง เป็นสีอบอุ่น โรแมนติก ชวนหลงใหล และกระตุ้นความรู้สึกได้ดี ทำให้กระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า เต็มไปด้วยชีวิตชีวา รุ่มร้อน สีแดงยังแสดงถึงความมั่งคั่งสมบูรณ์ในความเชื่อของคนจีน
เมื่ออยู่ในสภาวะแวดล้อม สีแดงความดันโลหิตจะเพิ่มขึ้น ทำให้การเต้นของหัวใจเร็วขึ้น หายใจถี่ขึ้น สมองก็แอคทีฟขึ้นด้วย เป็นการกระตุ้นกลไกการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย สีแดงนี้เองที่ทำให้คนเรา เร่าร้อน ปั่นป่วนหัวใจ สีแดงเป็นสีของธรรมชาติ เป็นสีของไฟ และเลือด เป็นสัญลักษณ์ของพลังอำนาจ และพลังชีวิต