"รถติดไหมคะ?" อาจไม่ใช่แค่บทสนทนาสั้น ๆ ที่ไร้ความหมาย การที่คุณติดอยู่บนถนนกับการจราจรที่เป็นอัมพาต จะทำให้ความดันโลหิตของคุณเพิ่มขึ้น และเสี่ยงหัวใจวายมากขึ้นถึง 3 เท่า แต่ถนนหนทางไม่ใช่ปัญหาเดียวของโรคหัวใจเท่านั้น ยังมีสถานการณ์หรือช่วงเวลาอื่น ๆ ที่หัวใจของคุณแขวนอยู่บนเส้นด้าย ยิ่งถ้าคุณหรือคนใกล้ตัวมีประวัติโรคหัวใจมาก่อน ต้องระวังไว้ก่อนในเหตุการณ์ต่อไปนี้
1.ยามเช้า
นักวิจัยจากฮาร์วาร์ดประเมินว่า ในยามอรุณเบิกฟ้าความเสี่ยงหัวใจวายจะเพิ่มขึ้น 40% เพราะในขณะที่คุณตื่นนอน ร่างกายจะหลั่งสารทั้งอะดรีนาลีนและฮอร์โมนความเครียดอื่นๆ ทำให้ความดันโลหิตพุ่งขึ้นสูง และต้องการออกซิเจนมากขึ้น นอกจากนี้ ด้วยความที่คุณขาดน้ำ เลือดจึงข้นและสูบฉีดลำบาก ซึ่งทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นภาระแก่หัวใจทั้งสิ้น
กันไว้ก่อน : ตั้งนาฬิกาปลุกเผื่อเอาไว้บ้าง คุณจะได้กดเลื่อนปลุกแล้วค่อยๆ ตื่นส่วนคนที่ชอบออกกำลังตอนเช้า อย่าลืมวอร์มอัพให้เข้าที่ เพื่อลดความเครียดต่อหัวใจ สุดท้ายคนที่กินยาลดความดันโลหิตควรจะกินยาก่อนนอน เช้าขึ้นมายาจะออกฤทธิ์ดี
2.เช้าวันจันทร์...อันตราย
ใครๆ ก็ขยาดวันจันทร์กันทั้งนั้น และวิทยาศาสตร์ ก็มีเหตุผลที่อธิบายได้ว่าทำไมวันจันทร์ถึงน่ากลัว อาจเป็นเพราะเราทั้งเครียดและหดหู่กับการต้องกลับไปทำงาน เช้าวันจันทร์จึงพ่วงสถิติหัวใจวายมากกว่าปกติถึง 20%
กันไว้ก่อน : รีแลกซ์ให้เต็มที่ในวันอาทิตย์ แต่อย่าเผลอนอนดึก เพราะถ้านอนดึกทั้งวันเสาร์-อาทิตย์ และต้องตื่นแต่เช้าในวันจันทร์ ร่างกายของคุณจะอ่อนล้าและผิดจังหวะชีวิตเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง อย่ากระนั้นเลยนอนหลับและตื่นนอนเป็นเวลาทุกๆ วันดีกว่า
3.หลังอิ่มท้องกับมื้อหนัก
คนที่เข้าใจผิดว่าบุพเฟต์มีไว้กินให้คุ้ม คงไม่รู้ว่าหัวใจได้รับผลกระทบเร็วและแรงแค่ไหน มีงานวิจัยมากมายที่ชี้ให้เห็นว่า อาหารที่มีทั้งไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง จะทำให้หลอดเลือดตีบและอุดตันได้ง่าย
กันไว้ก่อน : ถ้ายอมตามใจปากจริงๆ ก็ควรกินอาหารแต่ละหมู่ในสัดส่วนที่พอเหมาะ นอกจากนี้ แอสไพรินก็อาจช่วยป้องกันไม่ให้เลือดข้นได้ด้วย
4.ระหว่างทำ "ธุระส่วนตัว"
คุณไม่อยากหัวใจวายในขณะที่อยู่ในห้องน้ำแน่ๆ แต่มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง ความเกร็งระหว่างถ่ายหนักจะเพิ่มแรงกดดันภายในหน้าอก ทำให้เลือดไหลกลับไปเลี้ยงหัวใจได้ช้าลง
กันไว้ก่อน : กินอาหารที่มีกากใยมากๆ อย่าปล่อยให้ขาดน้ำและหลีกเลี่ยงการเกร็งท้องจะช่วยได้
5.ระหว่างออกกำลังหนักๆ
หัวใจวายอาจเกิดขึ้นได้เพราะผู้ป่วยไม่คุ้นเคยกับการออกแรง พร้อมกับที่ฮอร์โมนความเครียดพุ่งสูงขึ้น ทำให้ทั้งความดันโลหิตและอัตราชีพจรพุ่งทะลุเพดาน
กันไว้ก่อน : การออกกำลังอย่างสม่ำเสมอเสมือนเกราะป้องกันหัวใจ แต่ค่อยๆ เพิ่มความหนักในการออกกำลังจะดีกว่า
6.เมื่อยืนพูดต่อหน้าคนอื่น
บางครั้งหัวใจของคุณอาจรู้สึกว่า การพูดต่อหน้าคนจำนวนมากเหมือนกับการออกกำลังที่ไม่เคยชินก็ได้ เมื่อความตื่นเต้นกระสับกระส่ายถึงขีดสุด ความดันโลหิต อัตราชีพจร และระดับ อะดรีนาลีนจะจับมือกันพุ่งทะลุเพดาน ทั้งสามอย่างนี้ล่ะ ที่ทำให้ความวิตกกังวลในเรื่องที่ต้องพูดเป็นเรื่องที่สำคัญรองๆ ลงไปเลย
กันไว้ก่อน : ทำสมาธิ ผ่อนลมหายใจเข้าออก ปล่อยวางความเครียด และสูดลมให้ใจเข้าลึกๆก็จะสามารถช่วยได้