ล้างใจให้ปลอดโปร่งโล่งสบาย
ล้างใจให้ปลอดโปร่งโล่งสบาย (Health Plus)
เก็บกวาดสิ่งที่รกสมองออกไปให้หมด ถึงเวลาที่คุณจะคืนพื้นที่ให้สมอง เพื่อให้เกิดความปลอดโปร่งโล่งสบาย
นอนไม่หลับเพราะงานกองสุมหัว หงุดหงิดเพราะต้องรอคิวนาน แม่สามีเอาเรื่องชวนปวดหัวมาให้ สารพันปัญหาเหล่านี้ ทำให้สมองของคุณหนักอึ้ง ถึงเวลาที่คุณต้องจัดระเบียบสิ่งที่อยู่ในหัวของคุณ หาวิธีทำจัดต้นเหตุแห่งความเครียดที่อยู่กับคุณเป็นอาจิณ แล้วคุณจะรู้สึกมีความสุขมากขึ้น และหากไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน เรามีคำตอบมาให้...
ความเครียดแบบที่ 1 มีงานรัดตัวจนกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ สุดท้ายงานก็ไม่เสร็จสักอย่าง!
ทางแก้
"แจกแจงงานทั้งหมด จัดลำดับความสำคัญของงานที่ต้องทำก่อนหลัง" ดร.แคตติ มอสส์ อายุรแพทย์กล่าว "เขียนความคิดต่าง ๆ ในหัวลงบนกระดาษ จะได้มีที่ว่างในหัวของคุณมากขึ้น เมื่อคุณเขียนรายการงานที่ต้องทำแล้ว ให้โยนสิ่งที่สุมอยู่ในหัวคุณทิ้งไปซะ จากนั้น เริ่มลงมือทำงาน ถึงตรงนี้ให้ถามตัวเองถึงงานที่ต้องทำ "คุณจำเป็นต้องทำงานนี้จริงหรือไม่" แล้วคุณจะแปลกใจที่หลายครั้งคำตอบที่ได้ คือ "ไม่" จะเห็นว่า การแจกแจงรายการงานที่ต้องทำในครั้งแรก คือการสร้างพื้นที่ว่างให้สมอง แต่การแจกแจงรายการในครั้งที่สอง คือรายการงานที่ต้องทำจริง ซึ่งไม่ควรมีเกินกว่า 10 รายการ
ความเครียดแบบที่ 2 ฉันกังวลเรื่องงานอยู่ตลอดเวลา!
ทางแก้
แม้จะรู้ดีว่าวิตกกังวลใจไปก็ไร้ประโยชน์ แต่เราทุกคนก็อดไม่ได้ ถามตัวเองดูสิว่า ความวิตกกังวลเปลี่ยนอะไร ๆ ให้ดีขึ้นได้หรือไม่ หากได้ก็จงวิตกกังวลต่อไป หากไม่ได้ จงหายใจเข้าลึก ๆ นับ 1 ถึง 10 นึกถึงแต่เรื่องที่มีความสุข เผชิญความวิตกกังวลด้วยความเบิกบาน
"ความเบิกบานใจเป็นพื้นฐานของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทำให้คุณรู้จักมองความทุกข์ได้เข้าถึงอย่างรอบด้าน โดยให้ความสำคัญกับมันน้อยลง" ลิซ ทักเกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความเครียดกล่าว วางแผนทำกิจกรรมที่สร้างความสุขให้ตัวเองอย่างน้อยวันละหนึ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการคุยกับเพื่อน เดินเล่นในสวนสาธารณะ กินอาหารอร่อย ๆ ที่ภัตตาคาร หรือแม้แต่การอาบน้ำอย่างสบายใจด้วยสบู่ หรือแชมพูกลิ่นหอมสดชื่น
ความเครียดแบบที่ 3 ฉันไม่กล้าปฏิเสธเวลามีคนมาขอความช่วยเหลือจากฉัน มันทำให้ฉันแทบบ้าตาย!
ทางแก้
ถึงเวลาที่พลังอำนาจของคำว่า "ไม่" เข้ามามีบทบาท ซึ่งตรงข้ามกับความเชื่อของคนส่วนใหญ่ การเซย์โนไม่จำเป็นต้องก่อให้เกิดผลลบเสมอไป หากคุณชอบพูดคำว่า "ได้ค่ะ" กับทุกเรื่อง แล้วต้องมานั่งเครียดกับเรื่องพวกนี้ในภายหลัง คงถึงเวลาที่คุณต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวางภารกิจต่าง ๆ ลงบ้าง รวมถึงรู้จักตอบปฏิเสธ เริ่มจากการตอบปฏิเสธใครสักคนอย่างน้อยวันละครั้ง แต่อย่าใช้น้ำเสียงเกรี้ยวกราดอธิบายเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ โดยพูดทำนองว่า "วันนี้ฉันคงช่วยทำไมได้ แต่ถ้าเป็นอาทิตย์หน้าไม่มีปัญหา" มาดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไป พวกเขาอาจไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแทน ไม่ช้าคุณจะรู้สึกมั่นใจ และกล้าที่จะตอบปฏิเสธในเวลาที่จำเป็น คุณจะเริ่มสังเกตพบว่าความรู้สึกของคุณดีขึ้น การตอบปฏิเสธทำให้คุณมีพลังอำนาจและสุขุมเยือกเย็น
ความเครียดแบบที่ 4 หงุดหงิดร้อนใจอยู่เรื่อย!
ทางแก้
อดโมโหไม่ได้เวลาที่แม่สามีติว่า อาหารที่คุณทำรสชาติไม่เป็นสับปะรด หรือพูดใส่อารมณ์กับสามี เวลาที่คุณเห็นเขาทิ้งผ้าเช็ดตัวบนเตียง หรือเถียงกับน้องสาวด้วยเรื่องเดิม ๆ ว่าใครติดหนี้ใคร ถ้าเหล่านี้คือปัญหาของคุณ มีวิธีแก้ง่าย ๆ คือ หายใจลึก ๆ 5 ครั้ง นับ 1 ถึง 10 หรือมิฉะนั้นก็เดินออกจากห้องไปเลย แล้วเดินกลับเข้ามาใหม่เมื่ออารมณ์เย็นลง จากนั้นจัดการกับปัญหาด้วยอารมณ์ขัน โดยพูดว่า "ละอายใจจังที่แม่ไม่ปลื้มอาหารที่หนูทำ ถ้างั้นไปซื้ออาหารปรุงสำเร็จมาทานกันดีไหมคะ" หรือ "บอกฉันหน่อยได้ไหมว่า นิสัยอย่างไหนของฉันที่คุณไม่ชอบ ถ้าฉันเลิกทำนิสัยแบบนั้น คุณก็ควรเลิกทำนิสัยแบบนี้" หรือพูดว่า "เราเลิกทะเลาะกันด้วยเรื่องแบบนี้เถอะ เปลี่ยนเรื่องพูดดีกว่า...เอ่อ งานใหม่ของเธอเป็นยังไงบ้าง"
การแก้เผ็ดที่ดีที่สุดคือการทำใจให้เย็น พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองในเวลาที่คนอื่นควบคุมอารมณ์ของตนไม่ได้ แล้วคุณจะรู้สึกเหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ มากกว่าเป็นวัยรุ่นใจร้อน แต่ถ้ายังรู้สึกเครียดหรือหงุดหงิดไม่หาย เลสลี่ เคนตัน กูรูด้านสุขภาพแนะให้ลองทานโสมซึ่งมีสรรพคุณช่วยบำบัดความเครียด "นำรากโสมตากแห้ง 25 กรัมผสมกับชา 1 ถ้วย ดื่มแก้เครียด"
ความเครียดแบบที่ 5 ฉันติดรายการข่าว ชอบฟังเรื่องกอสซิปขาดไม่ได้เลย ทำยังไงให้สมองปลอดโปร่งไม่เครียดกับข่าวที่รับฟังมาทั้งวัน!
ทางแก้
การหยุดพักไม่รับข่าวสารจากหนังสือพิมพ์ หรือทีวีสักหนึ่งวัน จะทำให้คุณรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แทนที่จะเอาแต่นั่งเสพข่าว คุณน่าจะเอาเวลาไปจัดการกับข้าวของที่วางระเกะระกะซึ่งทำให้บ้านรกดีกว่า ถามตัวเองดูสิว่า การเสพข่าวสารเป็นกลวิธีหลีกหนีจากความวุ่นวาย ทำให้คุณได้พักผ่อนสมองจริงหรือไม่
ขั้นต่อไปคือ การดีท็อกซ์สิ่งแวดล้อมรอบตัว การเก็บกวาดห้องให้เป็นระเบียบคือการทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง ไม่สับสนวุ่นวาย เริ่มจากประกาศวันทิ้งขยะ ซึ่งเป็นวันที่คุณจะสำรวจข้าวของที่ไม่ใช้ เก็บกระดาษทุกแผ่นมัดรวมกัน ดูว่ากระดาษแผ่นไหนเป็นเอกสารสำคัญหรือต้องโยนทิ้ง ลบอีเมล์ขยะทิ้ง และลบอีเมล์แอดเดรสของคุณออกจากลิสต์รายชื่ออีเมล์ เวลากรอกข้อมูลแบบฟอร์มใด ๆ ในเว็บไซต์ ให้ทำเครื่องหมายที่ช่อง "ไม่" รับข้อมูลเสริมใด ๆ และอย่าให้อีเมล์แอดเดรสของคุณกับเว็บไซต์ใด ๆ หากไม่จำเป็น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก