ทุกครั้งที่ฉันได้นั่งรถเมล์ในยามค่ำคืนฉันได้เห็นและได้รู้ สิ่งใหม่ ๆ ที่ฉันไม่เคยพบเจอ
ฉันได้เห็นสัจธรรมของชีวิต
ที่มีผู้คนดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด
บางคนก็ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ
แต่ในขณะที่บางคนใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย
บางครั้งที่เห็นเด็กตัวเล็ก ๆ ต้องมานั่งขอทาน
ต้องมาขายพวงมาลัยบนทางรถวิ่งทั้ง ๆ ที่มันอันตราย
เด็กบางคนถึงกับไม่มีตังกินข้าวต้องไปคุ้ยตามถังขยะ
และสิ่งที่ฉันเห็นแล้วปวดใจที่สุดคือ ได้เห็นเด็กตัวเล็ก ๆ กินข้าวทั้งน้ำตา
แต่ในเด็กอีกหลาย ๆ คนที่กินอิ่มหลับสบาย ไม่มีความเศร้า ความทุกข์อะไรทั้งนั้น
มันทำให้ฉันฉุดคิดขึ้นมาว่า
ฉันเกิดมาทั้งที น่าจะทำอะไรดี ๆ เพื่อสังคมได้บ้างไม่มากก็น้อย. . .
ฉันชอบมองท้องฟ้าเวลากลางคืน
บางครั้งฉันนอนดูดาวที่มีนับล้านบนนั้น
ฉันมองดูดาวแต่ละดวงด้วยรอยยิ้ม
เพื่อว่าสักวันดาวดวงนั้นจะมองมาทางฉัน
และก็ยิ้มเหมือนกับที่ฉันยิ้ม
*-*
*-*
*-*
แม่เป็นผู้หญิงคนเดียวที่รักเรามากกว่าใครบนโลกนี้
แม่ยอมเสียสละแม้กระทั่งชีวิตของตนเองเพื่อเราได้
แม่เลี้ยงเรามาโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนทำทุก ๆ อย่างได้เพื่อเรา
แม่ต้องทนเจ็บเพื่อให้เราลืมตามาดูโลกใบนี้
แม่ถึงแม้จะดุจะด่าเราก็เพราะว่าท่านหวังดีหวังว่าอยากให้เราเป็นคนดี
แม่เฆี่ยนตีเพราะอยากให้เรารู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดีและไม่ให้ทำ
ฉันก็เป็นคนนึงที่ถูกพ่อกับแม่ตีบ่อย ๆ
ในตอนสมัยเด็ก ๆ ฉันไม่ค่อยฟังพ่อแม่จึงถูกตีบ่อย ๆ
บางครั้งฉันก็คิดว่าพ่อกับแม่ไม่รักเราหรอ
ทำไมต้องตีเราแรง ๆ ตีเราจนร้องไห้
แต่ทุกครั้งที่ฉันแอบเห็น พ่อแม่ต้องไปแอบร้องไห้
ต้องตาแดงทุกครั้งที่ตีฉัน
ต้องตาแดงทุกครั้งที่เอายามาทาให้ฉัน
ต้องตาแดงทุกครั้งที่เห็นฉันเสียน้ำตา
และ
ต้องตาแดงทุกครั้งที่ท่านทำให้ฉันเจ็บและมีน้ำตาเพราะท่าน
มาจนวันนี้ฉันได้เข้าใจ
ว่ารอยแผลที่ถูกท่านเฆี่ยนตีมันทำให้ฉันไม่เกเร รู้จักผิดชอบชั่วดี
รู้คุณค่ากับน้ำตาของตัวเอง ว่ามันมีคุณค่าแค่ไหน
มาจนถึงวันนี้ฉันไม่เคยโกรธไม่เคยเกลียดไม่เคยคิดว่าพ่อแม่ไม่รักเราเหมือนเด็ก ๆ อีกแล้ว
แต่กลับคิดว่า
อยากกลับไปโดนไม้เรียว (ซึ่งคงไม่มีใครอยากโดน)
มาวันนี้ต้องขอบคุณฟ้า ขอบคุณสวรรค์
ที่ทำให้เราพ่อแม่ลูกได้มาอยู่ด้วยกัน
ในวันแม่นี้ฉันไม่ได้กลับไปดูแลท่าน
วันแม่ปีนี้คงไม่มีอะไรที่จะให้แม่ นอกจาก
ผมรักแม่ครับ
ที่มา :: jsfreedom.diaryclub.com