อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน แม้องค์พระปฏิมายังราคิน มนุษย์เดินดินหรือจะสิ้นคนนินทาสุภาษิตนี้ช่างแทงใจดำเคล้าสีแดงของฉันจริงๆ
ก็จะไม่ให้เศร้าได้อย่างไร เมื่อเพื่อนสาวสุดเลิฟกำลังเปิดปากพ่นน้ำลายใส่คนอื่นใน Topic เรื่องของฉัน งานเลยวิ่งเข้าตัวแบบไม่ตั้งใจ เอายังไงต่อดีล่ะ จะเดือดหรือจะดับ จะด่าหรือจะดิ่งดี ใครคิดไม่ออก เรามีคำตอบมาบอกให้ เอ้า!!สาวขี้เม้าท์ทั้งหลายเตรียมตัวรับมือกันเร็ว
1. มีสติเข้าไว้
เราเข้าใจความรู้สึกของคนที่โดนเม้าท์ดีว่า ทั้งสับสน ทั้งโกรธ ทั้งอาย หลายอารมณ์ผสมปนเปกันไปหมด ฉะนั้นสิ่งแรกที่เราอยากให้คุณผู้ถูกกระทำได้ลงมือทำคือ “มีสติ” แม้สมองจะเบลอเอ๋อไป 2 วิ ก็ต้องรีบฟื้นฟูให้สติสัมปชัญญะกลับมาโดยไว เพราะเมื่อมีสติจะทำให้เราคิดได้ว่า เอ๊ะ!!มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และยังไตร่ตรองถึงเหตุและผลว่า เธอผู้ที่เคยใช้คำว่า “เพื่อน” กับเราเขาทำอย่างนั้นจริงๆหรือ เขาทำไปทำไม และทำไปเพื่ออะไร ซึ่งพอสติมาจะทำให้เราเข้าใจเรื่องที่เกิดได้ง่ายขึ้นและไตร่ตรองได้ดีขึ้น เช่น เรากับเพื่อนโกรธกันอยู่หรือเปล่าหรือเพื่อนทำไปเพราะแกล้งเราหรือเปล่า ซึ่งถ้าพอจะทราบสาเหตุแล้ว ความโกรธและความแตกร้าวที่เกิดขึ้นก็อาจทุเลาลงไปได้บ้าง
2. นิ่งเฉย
นาทีนี้ต้องยึดสุภาษิตที่ว่า “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” เอาไว้กับตัว แม้ความจริงคุณอยากร้องตะโกนให้คนอื่นรู้ว่า “หล่อนโกหกย่ะ อย่าไปเชื่อหล่อนนะ” แต่เราขอให้ห้ามใจและห้ามปากเอาไว้ค่ะ เพราะลองคิดดูสิว่า ใครเขาจะเชื่อคุณ ในเมื่อเพื่อนสาวได้แฉไปซะหมดแล้ว ในตอนนั้นคงไม่มีใครมารับรู้กับคุณหรอกว่า เรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องโกหก ฉะนั้นนิ่งไว้ดีที่สุด อีกอย่างคือ จุดประสงค์ของคนที่นินทาคือเห็นความพ่ายแพ้ของอีกฝ่าย แต่คุณจะยอมเป็น Loser ให้เขาหัวเราะง่ายๆหรือ ฉะนั้นการวางตัวเฉย ไม่ใส่ใจเสียงนกเสียงกานั้นเริ่ดกว่าเป็นไหนๆ และเมื่อการปล่อยข่าวเม้าท์แบบโคมลอยไม่เป็นผลอะไรกับคุณ ยัยเพื่อตัวแสบนั่นแหละที่จะเป็น Loser ฮ่าๆๆๆ
3. เปิดอกคุย
เป็นวิธีที่เราอยากแนะนำมากที่สุด กล่าวคือเมื่อเรื่องทั้งหมดเริ่มซาหรือความโกรธในใจคุณเริ่มเบาบางลงแล้ว เราอยากให้คุณเปิดใจคุยกับเพื่อนสาวให้เคลียร์จะได้ไม่ติดค้างกันไปตลอดชาติ ว่าทำไมถึงต้องพ่นข้อมูลร้ายๆใส่คนอื่นแบบนั้น ในกรณีที่คุณได้ยินเองเต็ม 2 รูหู ก็ควรจะคุยกันแค่ 2ต่อ2 แต่ถ้าในกรณีที่มีมือที่สามเข้ามาเป็นตัวกลางในการบอกเล่าให้คุณฟัง ก็ควรเพิ่มพยานปากเอกขึ้นมาอีกหนึ่ง ซึ่งการเปิดใจคุยกันถือเป็นการให้เกียรติอีกฝ่ายและเป็นการกระชากหน้ากากปลอมๆของอีกฝ่ายไปในตัว เพราะการเผชิญหน้ากันแบบตรงๆนั้น ยากต่อการโกหกยิ่งนัก ดังนั้นคุณจะได้ขุดคุ้ยเอาความจริงจากปากเพื่อนออกมาว่าสาเหตุจริงๆแล้วเกิดจากอะไรกันแน่ ถ้าเป็นเพราะเคืองคุณก็จะได้แก้ไขตัวเองได้ทัน อีกอย่างอาจเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณกับเพื่อนได้ปรับความเข้าใจกันแล้วหวนกลับมาคืนดีกันก็ได้ อย่างสาว Serena และสาวแสบอย่าง Blair ที่ไม่ว่าจะเม้าท์มอยกันมานานแค่ไหน แต่สุดท้ายก็เคลียร์กันเข้าใจและกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันอีกจนได้
4. ทำความเข้าใจและทำตัวเองให้เข้มแข็ง
ถ้าเคลียร์กับเพื่อนสาวเจ้าปัญหาเรียบร้อยแล้ว ก็ควรมาทำความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อแก้ไข อีกอย่างที่เราอยากให้คุณรีบทำคือ การทำความเข้าใจกับโลกใบนี้ให้มากขึ้น กล่าวคือ โลกเรามี 2 ด้านเสมอ คือด้านดีและด้านร้าย และความจริงคือ ไม่มีที่ไหนในโลกที่ไม่มีการนินทา ฉะนั้นเมื่อการนินทานั้นได้มาเกิดกับตัวคุณ ขอให้คุณเข้มแข็งไว้และอย่าปล่อยให้ปากคนมาทำร้ายความรู้สึกของตัวเอง คนเราจะพ่นลมออกจากปากมากแค่ไหนก็ได้ แต่ลมปากที่ลอยไปลอยมาไม่มีสิทธิ์ที่จะมาทำร้ายคุณได้ นอกซะจากว่าคุณคว้ามันมาไว้ที่ตัวเอง ดังนั้นไม่ว่าจะเจอคำพูดที่ร้ายแรงแค่ไหน แต่มันก็ไม่ร้ายไปกว่าการที่คุณเอามันมาทำร้ายตัวเองหรอกนะ
5. ถ้าคบกันมันลำบากก็เลิกซะเถอะ
ข้อนี้เราขอให้เป็น Choice สุดท้ายที่คุณจะเลือกมาใช้ กล่าวคือถ้าเกิดว่าเคลียร์ก็แล้ว คุยก็แล้ว แต่ไม่สามารถก้าวเดินต่อกับเพื่อนคนนี้ได้จริงๆ ก็เลิกคบเถอะค่ะ ไม่ต้องเสียใจที่เสียเพื่อนไป เพราะถ้าเขาเป็นเพื่อนคุณจริงๆ เขาคงไม่ทำร้ายคุณแบบนี้ เสียใจตอนนี้ยังดีกว่าต้องเจอกับความร้ายกาจของเพื่อนคนนี้ในตอนที่สายจนเกินเยียวยา ให้คิดซะว่าถ้าการคบกันมันลำบากนักก็เลิกเถอะ มัวคบไปก็ไลฟ์บอย คนดีๆอย่างคุณยังมีอีกหลายคนที่อยากจะทำความรู้จักแน่ๆ เพื่อนเลวๆแบบนี้ทิ้งไปเถิดค่ะ
ใครที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ รีบทำตามที่เราบอกด่วนเลย ก่อนที่คุณจะต้องตกเป็นทาสลมปากของใครไปตลอดกาล
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
pooyingnaka