ถ้าถามคนที่ชอบการถ่ายภาพว่าอะไรคือโลโม่? คำตอบจะมีหลายแนวทางมาก เช่น
การถ่ายภาพด้วยกล้องยี่ห้อโลโม่ หรือการถ่ายภาพที่ถ่ายด้วย กล้องตระกูลโลโม่
แม้กระทั่งการถ่ายภาพที่ออกมาเหมือนรูปเสีย บางทีเบลอ บางทีสีเพี้ยนดูไม่รู้เรื่อง แต่ก็สวยดี
จริงๆ แล้วกล้องยี่ห้อ LOMO รุ่น Original หรือ LC-A นั้น กำเนิดขึ้นปี ค.ศ. 1982 ในรัสเซีย
ผลิตขึ้นตามคำสั่งของกองทัพ เพราะต้องการกล้องดี ราคาถูก เพื่อให้ประชาชนได้ใช้บันทึกเรื่องราวในชีวิต
จุดเด่นที่สุดของกล้องตัวนี้ คือมีเลนส์ Minitar 1 ที่ถ่ายออกมาแล้วได้เอฟเฟ็กต์แปลกๆ
เช่น ขอบภาพดำ หรือสีของภาพจะเข้ม และสดกว่ากล้องทั่วไป
มาทำความรู้จักกับ กับเจ้ากล้องโลโม่กัน
ในปี ค.ศ.1991 หนุ่มออสเตรีย 2 คน เดินทางไปเที่ยวรัสเซีย แต่ลืมเอากล้องไปก็เลยซื้อกล้องโลโม่
จากร้านขายของเก่ามาถ่ายไปพลางๆ พอเอาฟิลม์ไปล้างก็พบว่ากล้องตัวนี้ให้ภาพสวยแปลก
และออกแนวดิบๆ มันส์ๆ ต่อมาได้เกิดเป็นความนิยมในวงกว้างและเกิด "Lomographic Society"
ขยายวงคนรักกล้องโลโม่ไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันได้มีกล้องแปลกและน่าสนใจอีกหลายชนิดที่ให้อิสระทางการถ่ายภาพ และเรียกรวมกับกล้อง LC-A ว่ากล้องโลโม่ กล้องเหล่านั้นให้ภาพถ่ายที่เป็นศิลปะ โดยไม่ต้องคำนึงถึงความคมชัดหรือ การจัดองค์ประกอบของภาพ เพียงใช้ความกล้าที่จะทดลอง ความคิดสร้างสรรค์ และลูกบ้าที่มี ทำให้เป็นลักษณะการถ่ายภาพที่โดดเ่ด่น มีเอกลักษณ์น่าสนใจ ซึ่งเรียกการถ่ายภาพแนวนี้รวมๆ ว่า "โลโมกราฟฟี่"
ในการถ่ายภาพแนวโลโมกราฟฟี่นั้น อุปกรณ์สำคัญนอกจากกล้องแล้วก็คือฟิลม์ ซึ่งมีหลายรุ่น
หลายขนาด และมักมีการพลิกแพลงเทคนิคต่างๆ นานา ตั้งแต่การใช้ฟิลม์สไลด์แต่ล้างแบบเนกาทีฟ
ฟิลม์หมดอายุ ใช้แสงกัดฟิลม์ การถ่ายภาพซ้อน และอีกสารพัดวิธีทดลองตามสไตล์ส่วนบุคคล
เสน่ห์ของการถ่ายภาพแบบโลโม่ที่แตกต่างจากกล้องดิจิตอลคือ แม้จะเป็นเจ้าของกล้องหรือ
กำกล้องอยู่ในมือ แต่เราไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์ได้ เนื่องจากมีตัวแปรหลายอย่างที่เหนือการควบคุม
การลั่นชัตเตอร์แต่ละครั้งหมายถึงความสงสัย คาดเดา และคาดหวังอยู่ในใจ ดังนั้นผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพแนวนี้ มักไ่ม่คิดมากที่จะกดชัตเตอร์ บันทึกเหตุการณ์ต่างๆ คน สัตว์ สิ่งของ ท้องฟ้า รถถัง กาละมัง สีเหลี่ยม ฯลฯ จนกระทั่งคนอื่นงงว่ามันจะถ่ายอะไรกันนักหนา
เมื่อฟิลม์หมดม้วน ช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึง การล้างอัดเป็นช่วงเวลาแห่งความอดทน ตื่นเต้น พอได้ดูรูปก็มีความสุขอิ่มใจ แต่บางทีก็ทุกข์ใจ โดยเฉพาะเวลาจ่ายค่าล้างอัด และซื้อฟิลม์ จะหงอยมากเป็นพิเศษ แต่มันทำให้เรารู้ว่ากลิ่นไอโบราณที่มีความละเอียดละไมปนความดิบของโลโม่ และศิลปะแบบ "Don't think, just shoot" ตามสโลแกนของโลโม่นั้นเป็นอย่างไร
บ่อยครั้งที่คนรอบตัวจะไม่เข้าใจลักษณะภาพถ่ายในแนวโลโม่ หรือแม้แต่การหาร้านล้างอัดที่ถูกใจ ก็อาจเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้นจึงเกิดมีเว็บไซต์ของคนรักโลโม่ขึ้นมามากมาย เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน และเรายังสามารถสร้างแกลลอรี่ไว้โชว์ผลงานของตนเองสู่โลกโลโมกราฟฟี่ หรือที่เรียกกันว่า "Lomo Home" ได้อีกด้วย
ในยุคดิจิตอลอันแสนสะดวกสบาย และทันสมัยแบบนี้ ความนิยมที่เิพิ่ิมมากขึ้นของโลโม่อาจถูกบางคนมองว่า เป็นกระแสหรือความนิยมชั่วครั้งชั่วคราวของคนที่ต้องการสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น แต่ในความจริงๆ แล้วแก่นและหัวใจของโลโมกราฟฟี่ไม่ได้อยู่ที่ว่าใครจะเป็นตัวจริง ตัวปลอม ใครจะถือกล้องตามกระแส ใครจะถือกล้องเพื่อประกาศศักดาว่า "ข้าเป็นเด็กแนว" ใครจะถือกล้องราคาแพงจากเมืองนอก หรือใครจะถือกล้องของแถม ก็สามารถมีโลโมกราฟฟี่ในหัวใจได้ทั้งนั้น
แก่นและหัวใจของโลโมกราฟฟี่น่าจะเป็นคนที่รักงานศิลปะแนวโลโมกราฟฟี่ และมีความสุขที่ได้สร้างสรรค์ผลงานให้ตัวเอง และคนอื่นชื่นชม ไม่ว่าความรักและชื่นชอบในโลโม่จะยาวนานแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นแบบชั่วคราว ค้างคืน หรือตลอดชีพ แต่หากได้มีโอกาสเปิดใจรับโลโม่เข้ามาในหัวใจแล้วก็เชื่อว่าศิลปะภาพถ่ายสไตล์นี้ จะทำใ้ห้หัวใจของคุณ กระชุ่มกระชวยได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ lomography / lomothai