เจ้าหญิงจันทร์เจ้า-เจ้าชายนายตะวัน

เจ้าหญิงจันทร์เจ้า-เจ้าชายนายตะวัน



ฟ้ากว้าง..ปูแผ่นยาวเรียงทด..หานับได้

กลับไร้...แสงทองทอสว่างประดับคู่

ดูเหมือน*เจ้าของฟ้า*จะรับรู้

ผลักบานประตู-ให้ดวงใจ-แห่งเเสงแย้มออกมา



ปรากฏกายแรกแย้มของ"เจ้าหญิงจันทร์จ้าว"

ก็เปล่งเเสงบางเบากลบเงาดำมืดสลัวทั่วนภา

ชีวิตน้อยใหญ่เปิดยิ้ม...ให้นิมิตใหม่ทั่วธารา...

ผืนดินฟ้า-ทั้งโลกา-อ้าแขนรับ

" เจ้าหญิงแห่งรัตติกาล "



จันทราหญิงน้อย-น้อย...เริ่มเรียนรู้

ค่อย - ค่อย กวาดอณูละอองเบิกฟ้าผ่าน

ลมไหว-ไหวม่านของเมฆเข้าคืบคลาน

ระรานเร้า*จันทร์เจ้า*เริ่มรับรู้ความเปลี่ยวดาย



เจ้าของฟ้ารับรู้ได้อีกครา

เป็นที่มาของดาวน้อยสาดแสงทอประกาย

บริวารเปล่งจรัสประดุจเพชรล้อมเรียงราย

จันทร์เจ้าขาพร่างพรายแสงขึ้นอีกครา....



แสงของฟ้ายังไม่พอคนของดิน

จึงส่งข่าวโบยบินเจ้าแห่งฟ้าได้รับรู้..สั่งตีตรา

ส่งดวงใจ ดวงใหม่ล่วงลงมา

เคียงคู่ดาราเจ้าจันทรา กับฟ้าเดิม



นายตะวันเจ้าชายจอมทะเล้น

ทำหน้าเป็น ตี-นภาล้อแสงสว่างเพิ่ม

ทั่วผืนฟ้าผืนดินกระจ่างใสจรัสตาตะวันเสริม

ทุกเพลาเติมเต็มไม่เคยดับ...ลับแสงเดือน







รักครั้งแรกของจันทราเจ้าหญิงน้อย

กับการรอคอยคำตอบ...เจ้าชายเถื่อน

ที่ให้ไปมากกว่าคำว่าเพื่อน..

แต่นายตะวันจอมฟั่นเฟือนหาได้เอ่ยเอื้อนคำใด



ทุก-ทุกวันตะวันคงป้องปก

เทรักหกรดใจเจ้าจันทราบนฟ้าใส

ยิ่งเพิ่มค่าทวีเท่า...เพิ่มค่าใจที่ให้ไป

แต่ความเงียบยังเกาะใกล้นายตะวันให้คลายแคลง



หญิงน้อย ๆ คู่กับใจแสนขี้งอน

เลยแอบอ้อนซ่อนดาวเคลื่อนแอบแฝง

เที่ยวเล่นไปจนลืมทิ้งความระแวง

ทอลำแสงห่างไกลเพียง...ลำพัง



ลืมพ้นหนทางที่เจ้าของฟ้าได้ตีกรอบ

สุดท้าย-ท้ายสุดจึงหลุดขอบในคำสั่ง

หลงบนทางสายใหม่ในห่วงห้วงภวังค์

เมื่อยั้งคิดกับไม่เห็นทางสายเดิมที่เดินมา...จากหัวใจ



ราหูรอคอยพลอยโอกาส

เพราะตกเป็นทาสความงามแสงสวยใส

จึงย่างกายหมายพุ่งเข้าใส่

เก็บจันทร์ไว้หวังครอบครองเพียงหนึ่งเดียว...ของชีวี



เจ้าหญิงจันทร์จ้าวดิ้นรนให้หลุดพ้น

แต่ยิงดิ้นยิ่งรัดกับมัดเท่าคูณทวี

สุดนาทีเจ็บยิ่งกว่าเพราะถูกตีรอยราคี

ณ ตอนนี้อยากได้ยินเพียงรักจากนายตะวันเจ้าชาย....ของหัวใจ







เสี้ยวนาทีแสงจ้าสาดส่องแผดร้อนสุดทัดทาน

ราหูร้ายรนรานคลายเจ้าหญิงที่สิ้นสูญแสงเรืองใส

ชายตะวันรับไว้เต็มอ้อมแขนแนบดวงใจ

ร่างไหว-ไหวของจันทร์เจ้าก็นิ่งลง



เหลือเพียง เจ้าชายปากแข็ง

โอบอุ้มร่างไร้แรงสิ้นวิญญาอย่างบรรจง

เพียงเพราะไม่เคยเอ่ย"รัก"บอกนวลอนงค์

ในที่สุดเหลือเพียงฝุ่นผงที่ติดค้างปนรักไป



ในห้วงคิดของเจ้าชายนายตะวัน

การกระทำนั้นคือทั้งหมด"สะกดว่ารัก"

ไม่จำเป็นต้องพูดเพียงเห็นด้วยสายตาที่ประจักษ์

เลยไม่คิดปักษ์ออกมาเป็นคำพูด...ให้เข้าใจ



ส่วนจันทร์จ้าวหญิงช่างฝัน

เฝ้ารอวันฟังคำ-คำเดียวด้วยหัวใจ

จะรักหรือไม่...ก็มีเพียงเธอคนเดียวตลอดไป

แค่เพียงรู้ว่าใครอยู่ในนั้น ....อยู่อย่างคนสำคัญ



************************************************

ร่างจันทร์จ้าวเริ่มร้อนใกล้จะแตกแยกเป็นเสี่ยง

ตะวันเบี่ยงลมหายใจแลกเพื่อแบ่งปัน

แม้ข้างหน้าจะไม่มีเธอร่วมทางฝัน

แต่ทุก-ทุกวันจะมีเธอเคียงข้างใจ



ร่างจันทร์จ้าวเริ่มเย็นลง

พร้อมลมหายใจนายตะวันเริ่มมอดไหม

ในไม่ช้าทั้งเรือนร่างลุกโชนสว่างขึ้นเป็นไฟ

กระซิบรักไปครั้งสุดท้ายหวังว่าเธอจะได้ยิน....แม้สักนิด



นับจากนั้นทั้งสองอยู่รับรู้คนละช่วงของเวลา

เจ้าของฟ้ายินยอมให้เจ้าชายมอบครึ่ง...ของชีวิต

นายตะวันจึงต้องร้อนแทบมอดไหม้ตามลิขิต

ส่วนจันทร์จ้าวใช้ชีวิตได้เพียงคิดถึงแต่ไม่มีวันได้พบเจอ



อาจจะเป็นหนึ่งเหตุผล

ยามเรามองบนนภาแสงจันทร์พาให้คิดถึงใครบางคนเสมอ

คนที่อยากจะพบเจอ

แม้ยามเผลอยังมองเห็นในห่วงห้วงคำนึง



*******************************

บางวันเราอาจเห็นว่าแดดแรง

แสดงว่าตะวันบนฟ้าแจ้ง...ยังคิดถึง

เพราะฉะนั้นพระจันทร์จะไม่เหงา ... หากตราตรึง

ว่าก่อนลับฟ้าเจ้าชายจะรำพึง..."บอกรัก"เจ้าหญิงทุกครั้งไป

--****************************************---

ทำไมเรามักจะปล่อยวันเวลาให้เลยผ่านแล้วมานั่งนับวันเสียดายเวลาที่ผ่านมา....
หากรู้ว่าใครมีค่าควรแก่หัวใจ **รักษาไว้**ก่อนที่จะไม่มีให้ดูแล


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์