จดหมายฉบับต่อมา
15 มีนาคม 1971 เดอะ โซดิแอค ส่งจดหมายไปให้ลอสแอนเจลีส ไทมส์ วิจารณ์ผลงานของตำรวจว่า
"ดีแต่ทำเรื่องง่ายเป็นเรื่องยากแหละ รู้มั้ยว่ายังมีนรกอยู่ข้างใต้อีกเยอะ"
และลงท้ายด้วยสัญลักษณ์จักรราศีกับเลข +17-
สัปดาห์ต่อมา พอล อเวรี่ ได้รับโปสการ์ดเต็มไปด้วยคำมากมายและรูปตัดจากหนังสือพิมพ์
คำเหล่านั้นบางประโยชน์เขียนว่า "ตามหาเหยื่อ 12 ราย"และ"แอบมองลอดใบสน"
โซดิแอคจู่ๆ ก็หายจ้อยไป 3 ปีเต็ม ก่อนที่จะเขียนจดหมายส่งให้ซานฟรานซิสโก โครนิเคิลเจ้าเก่า เมื่อ 30 มกราคม 1974 มันบอกให้ไปดูหนัง ดิ เอ็กโซซิสต์ (ไม่ใช้การ์ตูน) มันบอกว่าสนุกมากถูกอกถูกใจ
"เป็นหนังตลกที่ยอดเยี่ยมจริงๆ"
และอีกเช่นเคยมันลอกข้อความจากบทละครของ กิลเบิร์ต แอนด์ ซัลลิแวน และขู่สำทับว่า "ถ้าผมไม่เห็นโน๊ตที่ผมส่งไปในหนังสือพิมพ์ของคุณละก็ ผมต้องทำอะไรที่เละตุ้มเป๊ะแน่"
พร้อมรหัสจำนวนเหยื่อครั้งล่าสุด "Me-37 SFPD-O" พร้อมลายเซ็นใหม่สะดุดตา
ลักษณะนิสัยอย่างหนึ่งที่ เดอะ โซดิแอค พยายามเสแสร้งมาตลอด คือการแก้สะกดผิด ๆ ถูก อย่างน่าขำ แต่จดหมายสองฉบับที่ส่งมาใหม่ในเดือนพฤษภาคมและกรกฎาคม 1974 นั้น ไม่มีคำผิดแม้แต่คำเดียว!
หรือว่ามันที่เขียนจดหมายจะเป็นคนล่ะคนกัน!
เนื้อความในจดหมายนั้นเต็มไปด้วยการต่อว่า บ่นเรื่องโครนิเคลโฆษณาหนัง "แบดแลนด์ส" และอีกฉบับติเตียนมาร์โค สปิเนลลิ คอลัมนิสต์ของโคลนิเคิลอย่างรุนแรง มันขู่ให้เขาออกสำนักพิมพ์ ผลปรากฏว่ามาร์โคกลัวจนลนลานแล้วเผ่นหนีไปไกลอยู่เกาะฮาวายโน้น
จดหมายฉบับสุดท้าย
จากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีจดหมายจากโซดิแอคอีกและไม่มีรายงานเหยื่อที่มันฆ่า จนกระทั้งวันที่ 24 เมษายน 1978 โครนิเคิลรับจดหมายฉบับสุดท้าย ซึ่งนับตั้งแต่เก้าปีครึ่งหลังจากที่มันขับพอล สทีน คนขับแท็กซี่
"ผมกลับมาอยู่กลับพวกคุณอีกแล้วละ....อยู่กับไอ้โทรชิ...ไอ้หมูประจำเมืองตัวนั้น"
คาดว่าไอ้โทรชิที่มันพูดถึงจะเป็น เดฟ โทรชิ หัวหน้าใหญ่หน่วยสืบสวนู้นำทีมของคดีโซดิแอค
และโซดิแอคก็หนีหายหน้าไปจากสังคมตลอดกาล.............
วิเคราะห์สภาพจิต
เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า ในช่วง 1968-1969 เดอะ โซติแอค คิลเลอร์ ฆ่าคนตายไปอย่างน้อยเจ็ดราย นอกจากนี้ยังมีฆาตกรปริศนาอีกมากมายในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งโซติแอคอ้างว่าเป็นฝีมือของมัน แต่ไม่มีหลักบานเชื่อมโยง เพราะลักษณะการฆ่าเป็นแบบรัดคอและโป้งเดียวจอดไม่น่าสไตล์การฆ่าของโซดิแอค
ครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนเล่นเอาเถิดกับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เดอะ โซติแอค รอดเงื้อมมือตำรวจได้ทุกที
แน่นอนมันมันเป็นคนฉลาดอัจฉริยะ แต่อย่าลืมว่ามันต้องอาศัยโชคปาฏิหาริยีย์ด้วย...จำตอนที่มันฆ่า พอล สทีน ได้ไหม ตอนเดินไปชนตำรวจสายตรวจสองคนไงล่ะ?
การวิเคราะห์สภาพจิตวิทยา ชี้ว่า โซติแอคต้องอยู่ตามลำพัง เพราะมันบอกว่าใคร ๆ เขาไม่ต้องการเขา(ตอนแคธลีนไง) มีประสบการณ์ที่ข่มขื่น เกลียดชังเจ้าหน้าที่รัฐ และสามารถฆ่าคนได้ปัจจุบันทางด่วน ไม่มีการคิดไตร่ตรองหรือกลัวความผิด แบบว่าเห็นใครนึกหมั่นไส้ก็ฆ่าเลย
ถึงมันจะโดดเด่นมันก็อยากดังเดือนดารากลางแสงไฟกลางเวที มันจึงโม้พร่ำซ้ำ ๆ ซาก ๆ อวดผลงานที่มันทำ เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้
และมันสามารถเปลี่ยนโฉมตัวเองอย่างนาทึ่ง คิดดูก็แล้วกัน แม้มีรูปโปสเตอร์บนป้ายประกาศจับปิดไปทั่วสาธารณะ แต่ไม่มีใครจำมันได้สักคน (นอกจากแคธลีน)
ยังมีคำถามอีกมากมายที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ว่าทำไม เดอะ โซติแอค ถึงเลิกฆ่าคน เพราะอะไร เพราะมันพึ่งคิดได้ว่ามันเป็นบาปหรือ?
อีกอย่างคือคนที่ฆ่า พอล สทีน เป็นผลงานของโซติแอคจริง ๆ หรือ?
แต่ใครจะไปรู้ล่ะ เดอะ โซติแอค อาจฆ่าคนไปเลย ๆ แต่ไม่ประกาศอวดอ้างก็ได้
ผู้ต้องสงสัย
จากการหาผู้ต้องสงสัยในคดี เดอะ โซติแอค ในแฟ้มคดีของตำรวจมีผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นโซติแอคมากมาย โอ้แต่ละคนประวัติชั่วทั้งนั้น คนที่เด่น ๆ มีดังนี้
บรู๊ซ เดวิส ความเชื่อมโยงกับคดี ชาร์ลส์ แมนสัน
ใครไม่รู้จัก ชาร์ลส์ แมนสัน สามารถหาอ่านได้ในบทความของคุณกำเหลงน่ะครับ
เนื่องจากคดีของชาร์ลส์ แมนสันที่เกิดขึ้นเมื่อกรกฎาคม 1969 ดู ๆ ดี มันเป็นช่วงที่ เดอะ โซติแอค ฆ่าคนอย่างบ้าเลือดพอดี
ทั้งสองคดี เหยื่อถูกกระหน่ำแทงอย่างบ้าคลั่ง แผลที่ถูกแทงของเหยื่อในคดีแมนสันเหมือนกับคดีโซดิแอคที่ลงมือกับ เชอริ โจ เบทส์ มาก
ตอนที่แมนสันกับลูกสมุนถูกจับติดคุกหมด แต่ยกเว้นครอบครัวของมันคนหนึ่ง เขาคือ บรู๊ซ เดวิส ที่สำคัญเดวิสอาศัยอยู่ในที่พักเดียวกับเหยื่อทั้งสองด้วย
บรู๊ซ เดวิส เป็นชายที่มีสภาพจิตใจที่ผิดเพี้ยน มีการใช้ยาเสพย์ติดเกินขนาดประจำ
ด้วยเหตุนี้อาจทำให้บรูซ เสียสติ และก่อคดีแบบโซติแอคได้
แต่ก็อีกนั้นแหละ ตำรวจไม่สามารถเอาผิดเขาได้เพราะเดวิดถูกจับติดคุกในช่วงเวลาที่ เดอะ โซติแอค เขียนจดหมายฉบับแล้วฉบับเล่า
เดวิดจึงไม่ใช้โซติแอคด้วยเพียงแค่นี้แหละ
ลอเรนซ์ เคน ผู้ถูกเหยื่อระบุว่า คนนี้แหละ
แพม เฟอร์ริน น้องสาวของดาร์ลีนเหยื่อรายที่สองของโซติแอค เป็นคนระบุคนนี้แหละเป็นคนที่คุยพี่สาวของเธอ ก่อนถูกฆ่าตาย
แคธลีน จอห์น ก็ยืนยันว่า ชายนี้แหละที่ลักพาตัวเธอและขู่ฆ่า
ลอเรนซ์ เคนอายุ 45 ปี เป็นคนที่ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยอาการเจ็บที่หัวเพราะอุบัติเหตุทางรถ แพทย์บอกว่าเขามักทำอะไรโดยไม่รู้ตัวและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ตอนที่พอล สทีน ถูกฆ่า บ้านของเคนอยู่ห่างไม่กี่ช่วงตึกจากสถานที่เกิดเหตุ
ตัวอักษร K A N E ที่ปรากฏในอักษร 8 ตัวที่เดอะ โซติแอค ให้เป็นรหัสคือชื่อจริงของมัน
แต่ก็นั้นแหละตำรวจไม่มีหลักฐานจะเอาผิด ลอเรนซ์ เคน
ทุกวันนี้เคนยังมีชีวิตอยู่สุขสงบในเนวาด้า
อาเธอร์ ลีห์ อัลเลน
เคยเป็นทหารรับราชการในกองทัพสหรัฐมาแล้ว แต่แทนที่จะได้เกียรติกลับเสื่อมเสียเพราะไปก่อเรื่องอัปยศจนไล่ออก
จากนั้นเขาก็เขาไปทำงานในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในเมืองแวลลีสปริง ในแคลิฟอร์เนีย
ในเดือนมกราคม 1968 มีการกล่าวหาว่า เขาเป็นคนโม้กับเพื่อนฝูงว่าอยากฆ่าพวกหนุ่ม ๆ สาวๆ ที่แอบซุ่มพลอดรักเป็นคู่ๆ และยังโม้อีกว่าเป็นคนส่งจดหมายขู่ฆ่าเด็กนักเรียนไปที่ตำรวจ
ยังไม่หมด...อาร์เธอร์ยังบอกให้เพื่อนด้วยว่า เรียกข้าว่าโซติแอค ด้วยมาดราวซูเปอร์ฮีโร่
อาร์เธอร์ออกจากโรงเรียนประถมไปทำงานที่ปั๊มเมืองแวลลีโฮ แต่ทำไม่นานก็ถูกไล่ออก เพราะขี้เหล้าเมายาและชอบเด็กสาวตัวเล็ก ๆ หลังจากนั้นเขาก็ไปสมัครงานเป็นภารโรงในโรงเรียนประถมในแวลลีโฮนั้นเอง
หลังจากที่เซซิเลีย เซฟเฟิร์ดถูกแทงอย่างทารุณ อาเธอร์คือหนึ่งผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นเดอะ โซติแอค
เขาถูกเรียกตัวไปสอบสวนหลายครั้งและผ่านเครื่องจับเท็จมาแล้วด้วย แต่ก็พ้นข้อกล่าวหาทั้งปวง
เขายังทำงานในแวลลิโอ จน ค.ศ.1987 จึงย้ายมาอยู่เมืองอื่น จนถึงแก่กรรมด้วยโรคภัยไข้เจ็บตามธรรมชาติเมื่อ 1992
ธีโอดอร์ คาซันสกี้ มือวางระเบิด
เขามีฉายาว่า เดอะ อะนะบอมเบอร์ ในการติดต่อกับสื่อมวลชนทั้งยังเขียนหนังสือออกจำหน่ายอย่างลับ ๆ หนังสือเล่มนั้นมีเนื้อหาที่รุนแรงชักชวนให้ล้มกฎหมายและการปกครอง
คาซินสกี้เคยเป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยเบิร์คเล่ย์ แคลิฟอร์เนีย ฉลาดถึงขั้นอัจฉริยะ
เขามีอาการป่วยทางสมอง แต่มีท่าทางปกติ เรียนเก่งมาก แต่ค่อนข้างเก็บตัว ชอบเล่นกับเด็ก ๆ
แต่เห็นท่าทางอย่างนั้น ในจิตใจเขาแฝงด้วยความเกลียดชัง การต่อต้านสังคม อย่างรุนแรงที่สุด
เท็ด คาซินกี้ เป็นตำนานมือวางระเบิดของสหรัฐอเมริกาเลยล่ะ
แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็ลาออกจากมหาวิทยาลัยโดยไม่มีเหตุผล
เขาไปปลูกกระท่อมคนเดียวในป่าเขาใช้ชีวิตแบบฤาษีไว้หนวดรุงรัง
ช่วงนี้เขาได้ทำสิ่งที่เขาคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงโลกได้คือ...ผลิตระเบิด!
ระหว่างค.ศ. 1978 ถึง 1995 เขาส่งพัสดุไปรษณีย์ไปให้ผู้คนต่าง ๆ ที่รับผิดชอบในหน่วยงานที่เขาเกลียดชัง เช่น สายการบิน บริษัทคอมพิวเตอร์ และภาควิชาเศรษฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัย รวมทั้งสิ้นที่เขาส่งระเบิดไปทางไปรษณีย์ถึง 15 ครั้ง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บถึงขั้นพิการนับสิบ และตาย 3 คน
จนกระทั้ง เมษายน 1996 น้องชายของเท็ดตัดสินใจนำตำรวจไปรวบตัวพี่ชายถึงกระท่อมกลางป่า พบหลักฐานเพียบ
ที่น่าสะกิดใจคือ เท็ด คาซินสกี้ มีใบหน้าคล้ายภาพสเกตซ์ เดอะ โซติแอค มาก นอกจากนั้นยังฉลาดเป็นกรดพอ ๆ กัน ทั้งด้านคณิตศาสตร์ การใช้ปืน การชอบส่งจดหมายไปให้สื่อและตำรวจและการประกาศผลงาน
ขณะที่ เดวิด ฟาราเดย์ และ เบ็ตตี้ ลุ เจนเซ่น ถูกฆ่าเมื่อ 20 ธันวาคม 1968 นั้น เท็ดยังเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยเบิร์คเล่ย์ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุเลย
เหยื่อของโซติแอค ส่วนใหย่เป็นนักศึกษา ทั้งภาคปกติและภาคค่ำ รวมทั้ง พอล สทีน เขาก็เรียนภาคพิเศษเหมือนกัน
เท็ด คาซินสกี้ ได้รับจำคุกตลอดชีวิต ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเขาคือ เดอะ โซติแอค ใช่หรือไม่
คดีฆาตกรจักรราศี เดอะ โซดิแอค คิลเลอร์ ยังเป็นปริศนาค้างคาใจเป็นตำนานฆาตกรรมสยองขวัญ ตราบเท่าทุกวันนี้
จบ.....
เครดิตCAMMY
คนๆนี้ยังมีชีวิตอยู่ระวังเขาจะไปหาคุนนนน!!
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว