ความฝันอันยิ่งใหญ่

มีนิทานฝรั่งเรื่องหนึ่งถูกนำมาเล่าขานในวงธุรกิจบ่อย ๆ ว่า บ็อบกับทอมเป็นเพื่อนสนิทกัน วันหนึ่งทั้งสองไปตกปลาด้วยกัน ทอมมือขึ้นมาก ตกได้ปลาตัวแล้วตัวเล่า ห่างกันไม่เกิน 10 นาทีจะมีปลามาติดเบ็ดตัวหนึ่ง

แต่บ็อบสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกประหลาดอย่างหนึ่งของทอม คือ ทุกครั้งที่ตกได้ปลาตัวโต ทอมจะปล่อยลงทะเลไป แต่จะเก็บปลาตัวเล็กขนาดฝ่ามือไว้ บ็อบจึงถามด้วยความฉงนฉงายว่า

"เฮ้ยทอม แกสติไม่ดีหรือไง ทำไมปล่อยปลาตัวโต ๆ ไปหมดล่ะ?"

ทอมตอบว่า "เอ้อ ข้าเองก็เสียดายเหมือนกัน
แต่ช่วยไม่ได้เพราะที่บ้านข้ามีแต่หม้อใบเล็ก
ต้มได้แต่ปลาตัวเล็กๆ ไม่อาจต้มปลาตัวโตได้
ข้าจึงจำเป็นต้องปล่อยปลาตัวโตไปหมด"

บ็อบฟังเหตุผลของทอมแล้วถึงกับหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง
เพราะขบขันความซื่อบื่อของทอม

เราอย่าเพิ่งไปยิ้มเยาะความโง่เขลาของทอมเลย

จริง ๆ แล้วพฤติกรรมของทอมเป็นภาพสะท้อนของผู้คนจำนวนมากในสังคมปัจจุบัน ซึ่งก็อาจรวมทั้งตัวเราเองอยู่ด้วย เราไม่กล้าใฝ่หาความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เราไม่กล้ามีความฝันอันยิ่งใหญ่ (Dream big dreams)

เพราะเราเข้าใจผิดว่าตนเองมีได้ก็แต่ความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ เราไม่กล้าที่จะคิดสิ่งใหญ่ (Think Big)

ความฝันเป็นบ่อเกิดของความสำเร็จ สิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในโลกนี้ ก่อนที่จะปรากฏเป็นจริงขึ้นมาได้ ล้วนเคยเป็นภาพความฝันในสมองของคนมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินจัมโบ ยานอวกาศ หรือรถไฟใต้ดิน เป็นผลผลิตแห่งความฝันอันยิ่งใหญ่ของนักวิทยาศาสตร์และวิศวกร

คนเราจะต้องมีความฝันและกล้าที่จะมีฝันอันยิ่งใหญ่ จึงจะประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้

--------------------------------------------------------------------------

ขอบคุณที่มา  ::  จาก จุดไฟปัญญาให้โชติช่วง จังซีเหา : เขียน  ส.สุวรรณ : แปล
ขอบคุณที่มา  ::  ป้าแก้ว