วิจัยพบ คนทำงานเล่นโซเชียลมีเดียช่วยรักษากำไรให้บริษัท
หนังสือพิมพ์เทเลกราฟรายงานว่า ผลการสำรวจลูกจ้างกว่า2,000คนในอังกฤษ โดยบริษัทHCL Technologies พบว่า
ลูกจ้างประมาณครึ่งหนึ่งถูกห้ามไม่ให้เล่นเฟซบุ๊คหรือเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์คอื่นๆในเวลางาน เนื่องจากนายจ้างกลัวว่าชื่อเสียงของบริษัทจะเสี่ยงต่อความเสียหาย และกลัวว่าลูกจ้างจะใช้เวลาในการแชทมากเกินไป
ขณะเดียวกัน เหล่านักวิจัยจากวิทยาลัยโกลด์สมิธในลอนดอนยังได้ออกมารายงานว่า การห้ามไม่ให้ลูกจ้างเล่นเฟซบุ๊คหรือเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์คอื่นๆทำให้ธุรกิจสูญเสียผลกำไรมูลค่ากว่า4พันล้านปอนด์ต่อปี เพราะจะทำให้ลูกจ้างเสียกำลังใจในการทำงาน และจะทุ่มเทให้กับงานน้อยลง โดยการวิจัยที่ว่านี้ได้ศึกษาลูกจ้างจำนวน1,700คน และพบว่า ลูกจ้างส่วนใหญ่รู้สึกว่าตนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นหลังจากได้พัก "อี-เบรค"(e-break) หรือพักเล่นเฟซบุ๊ค-เว็บโซเชียลมีเดียเป็นเวลาสั้นๆระหว่างวันทำงาน มากกว่าที่พวกเขารู้สึกหลังจากช่วงพักดื่มน้ำชา หรือ “ทีเบรค”(tea break )
ดร. คาโมโร-พรีมูสิค หัวหน้าคณะวิจัยกล่าวว่า “ที เบรคและแฟ็กเบรค(การพักสูบบุหรี่) เป็นการพักเบรคที่มีมานาน แต่ "อี-เบรค"หรือการพักใช้เว็บโซเชียลเน็ตเวิร์คกำลังกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับคนทำงานในอังกฤษ"
ผลการรายงานพิสูจน์ว่า การพัก”อี-เบรค” ประมาณ10นาทีต่อวันจะก่อให้เกิดผลดีอย่างมาก เพียงแต่บรรดาหัวหน้าอาจจะกลัวว่าจะทำให้ลูกจ้างเสียสมาธิในการทำงาน ทั้งที่จริงแล้ว การสนับสนุนให้มี"อี-เบรค"จะช่วยส่งเสริมบรรยากาศของความไว้วางใจในการทำงาน ช่วยเพิ่มผลผลิต ซึ่งจะส่งผลให้ผลกำไรของนายจ้างเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ อังกฤษเป็นประเทศที่มีผู้ใช้เว็บโซเชียลเน็คเวิร์คมากที่สุดในยุโรป ด้วยจำนวนผู้ใช้ประมาณ9.6ล้านคนที่เป็นสมาชิกของเฟซบุ๊ค บีโบ้ และมายสเปซ