ผลการศึกษาของนักโภชนาการสหรัฐระบุว่า
การรับประทานอาหารในหมู่คาร์โบไฮเดรตมากจนเกินไปในช่วงคุมอาหาร ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการมองเห็นเสื่อมถอย โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงซึ่งเป็นผู้สูงอายุ
กินคาร์โบไฮเดรตมากเสี่ยงตาบอด
ผลการวิจัยชิ้นนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารโภชนาการทางการแพทย์
ซึ่งเป็นผลงานของ ดร.แอลเลน เทย์เลอร์ และคณะ แห่งมหาวิทยาลัยทัฟฟ์ในรัฐบอสตัน สหรัฐ ที่ทำการศึกษากับกลุ่มอาสาสมัครจำนวน 4,099 คน ที่มีช่วงอายุระหว่าง 55-80 ปี โดยคัดมาจากอาสาสมัครจำนวนทั้งสิ้น 8,125 คน ซึ่ง 1 ใน 5 ของอาสาสมัครกลุ่มนี้มีอาการของโรคจุดด่างในเยื่อบุตาหรือเอเอ็มดี ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม ผลที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าโรคเอเอ็มดีมีปัจจัยร่วมกับกระบวนการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต รวมถึงปัจจัยเสี่ยงภายในอย่างโรคมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจ
ทั้งนี้ ดร.เทย์เลอร์สรุปว่า
การควบคุมอาหารโดยเลือกรับประทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต สารอาหารประเภทนี้จะเข้าไปเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ส่งผลให้ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเอเอ็มดีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และคิดเป็นตัวเลขอยู่ที่ราวร้อยละ 20 ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า คนที่สูบบุหรี่มีโอกาสเสี่ยงในการตาบอดเมื่อเข้าวัยชรามากเป็นสองเท่าของคนไม่สูบบุหรี่ ความสัมพันธ์ระหว่างโรคจุดด่างในเยื้อบุตาของคนชรากับการสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้นพอๆกับอัตราเชื่อมโยงระหว่างโรคมะเร็งปอดกับการสูบบุหรี่
นอกจากพฤติกรรมการบริโภคแล้ว พบว่า
ยังมีอีกหลายสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับโรคเอเอ็มดี อาทิ การสูบบุหรี่ ซึ่งก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์อังกฤษได้เปิดเผยรายงานทางวิชาการว่าให้มีการติดคำเตือนภัยบนซองบุหรี่ว่าบุหรี่อาจทำให้ตาบอด
โรคเอเอ็มดีโดยปรกติจะพัฒนาเมื่อคนถึงวัย 50 ปี
โดยจะเกิดจุดด่างบริเวณส่วนกลางของเยื่อบุตา โรคนี้ถือเป็นสาเหตุที่ทำให้คนสายตาเสียมากโรคหนึ่ง ที่อังกฤษมีคนเป็นโรคเอเอ็มดีประมาณ 500,000 คน และประมาณ 54,000 คน สายตาเสียเพราะสูบบุหรี่
ขอขอบคุณเนื้อหาดีดี โดย: สสส.