ฝนตก ถนนลื่น และความประมาท คือสาเหตุหลักของอุบัติเหตุบนท้องถนน ยิ่งถ้าวันไหนฝนตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตาแล้วล่ะก็ ร้อยทั้งร้อยเกิดอุบัติเหตุชัวร์ หากไม่อยากเสียคนที่เรารักหรือคนที่รักเรา รวมทั้งทรัพย์สินที่จะต้องจ่ายให้กับคู่กรณี ลองทำตามคำแนะนำนี้ดู
- ไม่ควรขับรถชิดคันหน้ามากจนเกินไป ทิ้งระยะห่างประมาณ 10-15 เมตร เนื่องจากอาจมีการเบรกรถกะทันหัน หรือไม่ก็อาจเป็นละอองน้ำ ที่ดีดจากรถคันหน้าทำให้ทัศนวิสัยของผู้ที่ขับตามมาไม่ชัดเจน
- ชะลอความเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากการขับรถด้วยความเร็วสูง จะทำให้แรงดันของน้ำระหว่างยางกับถนนเพิ่มขึ้น เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะทำให้เกิดการแล่นบนผิวน้ำ โดยน้ำเข้าไปแทรกระหว่างยางกับผิวถนน อาจทำให้รถเกิดการแฉลบได้
- ควรเปิดไฟคู่หน้าไว้ตลอดเวลา เนื่องจากเม็ดฝนที่เกาะกระจกทำให้ทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ไม่ชัดเจน การเปิดไฟจึงช่วยได้ในระดับหนึ่ง
- หลีกเลี่ยงการเปิดไฟฉุกเฉินเมื่อฝนตกหนัก ให้เปิดเฉพาะไฟต่ำ เนื่องจากเป็นการรบกวนสายตาผู้ขับขี่คันอื่น
- ควรตรวจสอบยางรถยนต์เพื่อความปลอดภัย ยางรถยนต์มีผลอย่างมาก หากสูบยางน้อยไปอาจทำให้รถยนต์แฉลบได้ง่าย
- ในหน้าฝนควรเพิ่มแรงดันลมให้มากขึ้นจากเดิมอีก 2-3 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เพื่อให้หน้ายางแข็งและมีกำลังในการรีดน้ำดอกยาง และขนาดของหน้ายางยังมีผล ต่อประสิทธิภาพการยึดเกาะในขณะขับรถยนต์ หากใช้ยางดอกละเอียดจะทำให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น
หากฝนตกหนัก สิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่งคือ
- เมื่อลุยน้ำระดับสูงควรปิดแอร์เพื่อไม่ให้พัดลมไฟฟ้าทำงาน เพราะจะเป็นการตีน้ำให้กระจายเต็มห้องเครื่อง
- หลังจากขับรถผ่านพ้นจากผิวจราจรที่มีน้ำท่วมแล้ว ควรเหยียบเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากเบรก 2-3 ครั้ง การทำงานของระบบเบรกจะกลับสู่สภาพเดิม
- การจอดรถไม่ควรเข้าเกียร์ค้างไว้ หรือใส่เบรกมือเหมือนยามปกติ เพราะอาจทำให้เกียร์ค้าง หรือเบรกติดได้ ในกรณีที่จอดรถค้างคืนแล้วตอนเช้าเอารถออกมีเสียงครืดคราดจากเบรกไม่ต้องตกใจเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากเบรกติด ซึ่งจะมีเสียงเฉพาะตอนขับรถครั้งแรก เพียงครั้งเดียว ยกเว้นถ้าดังทุกครั้งที่เหยียบเบรกควรไปปรึกษาช่าง
ขับขี่รถด้วยความไม่ประมาท คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขับรถ จะช่วยลดอุบัติเหตุ