โลกาจะวินาศ หรือเพียงแค่ภัยธรรมชาติโหดกว่าเดิม??

ผ่านพ้นวันที่ 21 พฤษภาคม 2554 หรือ ค.ศ.2011 ไปเรียบร้อยแล้วโดยไม่มีเหตุโลกาวินาศ ตามความเชื่อของคนอเมริกันบางกลุ่ม
 
ที่เชื่อว่า วันที่ 21 ที่ผ่านมา จะเป็นวันสุดท้ายของโลกที่ฝรั่งเรียกขานกันว่า Judgment Day   โลกมนุษย์ก็ยังเป็นโลกที่อาศัยอยู่เหมือนเดิม แม้ว่าจะมีภัยธรรมชาติต่าง ๆ ที่หนักหน่วงรุนแรงขึ้นมาทำลายล้างชีวิตมนุษย์ให้ล้มหายตายจากไปจำนวนมาก

ปรากฏการณ์ของภัยธรรมชาติที่มีฤทธิ์เดชโหดกว่าเดิมในปัจจุบันนี้

ที่ทำให้ชาวโลกได้เห็นมาตั้งแต่ต้นปี 2553 หรือ ค.ศ.2010 เป็นต้นมาที่เป็นข่าวโด่งดังสะเทือนไปทั้งโลก  นับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศเฮติ จนทำให้ผู้คนดับสูญสิ้นไปหลายหมื่นคน  ติดตามมาด้วยแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในหลายจุดของโลก  เป็นผลทำให้ชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวตายกันไปเยอะ  ภูเขาไฟระเบิด  ฝนตกหนักทำให้น้ำท่วม ดินโคลนถล่มเมืองใหญ่ ๆ ในหลายประเทศต้องจมบาดาลอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ต้นปี 2554 หรือ ค.ศ.2011 เหตุร้ายจากภัยธรรมชาติก็เล่นงานชาวโลกอย่างรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
 
ไม่ว่าจะอากาศแปรปรวนทำให้ฤดูกาลเหมือนจะเปลี่ยนไป ฝนตกหนักหน่วงติดต่อกันหลายวัน  ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมเมืองใหญ่ ๆ  ในหลายประเทศ  รวมทั้งแผ่นดินก็ไหวหลายครั้งหลายหนตามจุดต่าง ๆ ของโลก แต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็นข่าวช็อกโลกทีเดียว  จนกระทั้งมาเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงใต้ทะเลที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 เกิดคลื่นยักษ์สึนามิถล่มเมืองเซนไดราบเป็นหน้ากลอง บ้านเมืองเสียหายเป็นจำนวนมากรวมถึงคนญี่ปุ่นที่ต้องเสียชีวิตและสูญหายไปหลายหมื่นคน นอกจากนี้ยังส่งผลให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เกิดระเบิด ซึ่งเป็นข่าวที่ทำให้ชาวโลกต่างผวากับภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงและรุนแรงทวีคูณมากกว่าเดิม

หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิถล่มญี่ปุ่นแล้ว ก็มีเหตุร้าย ๆ ของภัยธรรมชาติโจมตีทำลายมนุษย์ไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าภูมิอากาศวิปริตทำให้ฝนตกหนักอย่างไม่เคยพบเคยเห็นในชั่วชีวิตของผู้คนในปัจจุบันนี้ หรือเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นตามมาในหลาย ๆ แห่งของแต่ก็ไม่ถึงขั้นรุนแรงที่ทำให้โลกต้องตะลึงเหมือนที่ญี่ปุ่น ด้วยความโหดร้ายของธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา ทำให้ชาวโลกบางคนบางกลุ่มที่เป็นชาวคริสต์ถึงกับเชื่อว่า โลกจะถึงกาลอวสาน ตามคัมภีร์ไบเบิล

แม้ว่าวันที่ 21 พฤษภาคม 2554 โลกจะปลอดภัยจากการที่ไม่ถึงวาระสุดท้าย  แต่วันต่อมาคือวันที่ 22 พฤษภาคม ภัยธรรมชาติก็ได้แผลงฤทธิ์กันในหลายพื้นที่ของโลก ซึ่งจากข่าวคราวที่รับรู้แบบไร้พรมแดนก็คือข่าว ภูเขาไฟกริมส์โวตม์ใต้ธารน้ำแข็งวัตนาโยคุลล์ ทางภาคะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ปะทุพ่นเถ้าถ่านขึ้นสู่ท้องฟ้า หลังจากสงบเงียบมานานถึง 7 ปี


โลกาจะวินาศ หรือเพียงแค่ภัยธรรมชาติโหดกว่าเดิม??


ในวันเดียวกัน ก็เกิดเหตุแผ่นดินไหวมากกว่า 5.0 ริกเตอร์ 3 ครั้งของหมู่เกาะเคอร์มาเดดในมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากเมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ไปตอนเหนือประมาณ 942 กิโลเมตร หลับจากนั้นอีก 1 ชั่วโมงต่อมาก็เกิดแผ่นดินไหวอีกที่ทะเลด้านตะวันออกของประเทศญี่ปุ่นลึกใต้พื้นพื้นดิน 34.5 กิโลเมตรห่างจากกรุงโตเกียวเพียง 89 กิโลเมตร  โดยไม่มีรายงานของความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

อีก 3 ชั่วโมงต่อมา ก็เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่เกาะใต้หวัน ศูนย์กลางห่างจากกรุงไทเปไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ 105 กิโลเมตร ระดับความลึกของธรณีพิโรธที่ 10.2 กิโลเมตร และก็ไม่มีรายงานความเสียหายเช่นกัน ถือได้ว่าเป็นการไหวของแผ่นดินแบบเล็ก ๆ ยังมิใช่ใหญ่ ๆ ที่ช็อกโลก

และในวันเดียวกันอีก รัฐอุตตรประเทศ ทางภาคเหนือของประเทศอินเดีย ได้เกิดฝนตกอย่างหนัก ฟ้าผ่า ถล่มบ้านเรือนประชาชนและเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 50 ศพ นอกจากนี้ที่ประเทศมาเลเซียก็ได้เกิดฝนตกหนักเช่นกัน เป็นเหตุให้ดินภูเขาถล่มลงมาทับศูนย์เลี้ยงเด็กกำพร้าที่เมืองฮูลู รัฐเซลังงอร์ มีผู้ถูกดินถล่มทับเสียชีวิตอย่างน้อย 16 ศพ

วันที่ 23 พฤษภาคม 2554  ภัยธรรมชาติก็เล่นงานโจมตีโลกอย่างต่อเนื่องอีกวันหนึ่ง  โดยเกิดเหตุแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งด้านตะวันออกของเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น  5.1 ริกเตอร์  ความแรงของธรณีไหวครั้งนี้สั่นสะเทือนไปถึงกรุงโตเกียว ทั้ง ๆ ที่มีระยะทางห่างกันถึง 417 กิโลเมตร แต่ก็ไม่มีรายงานความเสี่ยหายของชีวิตและทรัพย์สินแต่ประการใด

วันเดียวกันนี้ พายุทอร์นาโดได้พัดถล่มรัฐมิสซูรี ประเทศสหรัฐอเมริกา เซ่นสังเวยชีวิตชาวอมริกันไปร้อยกว่าศพ  ซึ่งเป็นฤทธิ์เดชของพายุที่หนักที่สุดในรอบ 60 ปี และก่อนหน้านี้หนึ่งเดือนที่ผ่านมาพายุทอร์นาโดก็ได้ถล่มสหรัฐอเมริกาถึง 7 รัฐ  ตายไป 300 กว่าศพ

ต่อมาอีกวันคือ วันที่ 24 พฤษภาคม 2554   ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศอินโดนีเซีย ใกล้เกาะสุมาตรา 4.7 ริกเตอร์ โดยไหวถึง 2 ครั้งซ้อน โดยไม่มีรายงานถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น

เชื่อว่านับจากนี้ไปต้นไป ภัยพิบัติโลกก็คงจะได้สำแดงฤทธิ์เดชให้ชาวโลกได้รับรู้ทุกวันถึงเรื่องภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นมาโดยที่คนในโลกปัจจุบันนี้ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนให้เป็นข่าวช็อกโลกอีก

สำหรับประเทศไทยของเราก็เจอภัยธรรมชาติที่แปรปรวนเล่นงานเกือบทั่วทุกภูมิภาคที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หน้าร้อนกลับมีอากาศหนาวเย็นโชยมาให้ประชาขนได้รู้สึกแปลก ๆ ภาคใต้ก็อากาศวิปริตฝนตกหนักน้ำท่วมดินถล่มตอนต้นปี ทั้ง ๆ ที่เป็นเหตุการณ์ที่ปกติจะต้องเกิดขึ้นช่วงปลายปี  ทางภาคเหนือช่วงต่อหน้าร้อนกับหน้าฝน  ก็เจอฝนตกหนักเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมเมืองในหลายจังหวัด  แม้ภัยธรรมชาติในไทยจะไม่เป็นเหตุการณ์ใหญ่ระดับโลก  แต่ก็เป็นเหตุให้ต้องระลึกอยู่เสมอว่าภัยธรรมชาติมีความไม่แน่นอน  เปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลาอย่างนึกไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นมาได้

เหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นตลอดเวลา และโหดร้ายต่อมนุษย์ชาติกว่าเดิมอย่างที่ไม่เคยเห็นไม่เคยปรากฏมาก่อน  อาจจะทำให้มีชาวโลกบางกลุ่มเชื่อว่าโลกกำลังจะถึงวันสุดท้ายแล้ว  อย่างไรก็ตามก็มีอีกบางส่วนของชาวโลกก็มองอย่างธรรมชาติว่า โลกคงจะไม่แตกสลายตามความเชื่อหรือคำทำนายของหมอดูทั้งหลายทั่วโลก  เพราะธรรมชาติย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถห้ามการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติได้

เพราะฉะนั้นคนเราทุกคนควรจะต้องตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาทในการรับมือป้องกันภัยธรรมชาติเป็นดีที่สุด!!

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์