7 ผักผลไม้สีเขียว...เติมพลังสุขภาพ
เราคงเคยได้ยินผู้ใหญ่ พูดกันเสมอๆ ว่ากินผักบุ้งแล้วตาหวาน เพราะว่าพืชผักผลไม้สีเขียวจะมีวิตามินเอเยอะ ช่วยบำรุงสายตาให้ใสปิ๊ง ผิวพรรณสดใสร่างกายแข็งแรง
นอกจากนี้ ภายใต้สีเขียวเข้ม เขียวอ่อน เขียวปนเหลือง และเขียวขาวของสารพัดผักผลไม้นั้น มีสารอาหารสำคัญอยู่มากมาย เช่น คลอโรฟิลล์ เบต้าแคโรทีน แครทีนอยด์กลุ่มลูกทีน ไธโอไซยาเนต และฟลาโวนอยด์
กีวี (Kiwi)...แหล่งไฟเบอร์ชั้นเยี่ยม
ผลไม้เมืองหนาวหรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม "กีวีนิวซีแลนด์" ผลกีวีอุดมไปด้วยไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหาร ซึ่งเป็นสารที่ไม่ให้พลังงานในร่างกาย แต่เข้าไปยืดพื้นที่ในระบบทางเดินอาหารทำให้อิ่มได้เร็วและนาน ทั้งยังช่วยชำระล้างและปรับปรุงระบบย่อยอาหาร รวมถึงส่งเสริมให้หัวใจและร่างกายแข็งแรง กีวีเขียวหนึ่งผลมีปริมาณไฟเบอร์มากกว่ากล้วย 15% และมากกว่าแอปเปิ้ลและส้มถึง 25%
นอกจากนี้การรับประทานกีวี 2 ผลต่อวันจะช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินซีในร่างกายอย่างเห็นได้ชัด ช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันโรค และซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอแถมยังกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ๆ อีกด้วย
หัวใจแข็งแรงด้วย...อะโวคาโด (Avocado)
เนื้อผลอะโวคาโด ประกอบด้วยไขมันชนิดไม่อิ่มตัวประมาณ 4-20% แล้วแต่สายพันธุ์ โดยกรดไขมันในอะโวคาโดร้อยละ 70 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิด Monounsaturated Fatty Acid ซึ่งกรดไขมัน ชนิดนี้ช่วยลดปริมาณ LDL-cholesterol ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่เป็นผลเสียต่อร่างกาย และเพิ่มปริมาณ HDL-cholesterol ในเลือด ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่เป็นผลดีต่อร่างกาย เพราะฉะนั้นจึงมีประโยชน์ในการป้องกันโรคหัวใจ ลดไขมันในเส้นเลือดเหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูง ใช้ลดน้ำหนักได้ดีเพราะปริมาณคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลต่ำ
บร็อกโคลี่ (Broccoli)...ผักต้านมะเร็ง
บร็อกโคลี่เป็นผักเพื่อสุขภาพที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของผักจำพวกกะหล่ำปลี และกะหล่ำดอก เพราะมีส่วนประกอบที่ใกล้เคียงกันทั้งรสชาติ และปริมารเส้นใย รวมทั้งธาตุกำมะถันที่มีอยู่มาก
จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ พบว่าสาร Sulforaphane ในบร็อกโคลี่ช่วยลดระดับการเผาผลาญฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นตัวผลักดันให้เนื้องอกที่เต้านมเจริญเติบโตขึ้น นอกจากนี้ยังมีสารอาหาร 3, 3-diindolylmethane หรือ DIM มีฤทธิ์ช่วยด้านฮอร์โมนแอนโดรเจนให้ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งที่ต่อมลูกหมากอีกด้วย
หุ่นสวยด้วย..แอปเปิ้ลเขียว (Green Apple)
แอปเปิ้ลเขียวให้สารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและวิตามินซีเป็นหลัก ซึ่งปริมาณวิตามินซีจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ช่วงเวลาเก็บเกี่ยวและความสด เนื้อแอปเปิ้ล 100 กรัม มีวิตามินซีประมาณ 6 มิลลิกรัม และให้พลังงานราว 59 แคลอรี
พลังงานที่ได้จากแอปเปิ้ลมีลักษณะพิเศษ คือ ให้พลังงานค่อนข้างต่ำและค่อยเป็นค่อยไป เพราะแหล่งพลังงานที่สำคัญคือ น้ำตาลฟรักโทส ซึ่งเป็นน้ำตาลที่เปลี่ยนรูปเป็นพลังงานอย่างช้าๆ ช่วยให้ไม่รู้สึกหิว อิ่มนาน นอกจากนี้ที่เปลือกและเนื้อของแอปเปิ้ลมีเส้นใยอาหารที่ชื่อว่า "เพคติน" ที่มีคุณสมบัติพองตัวได้มาก ช่วยเพิ่มกากในทางเดินอาหาร ทำให้อวัยวะในทางเดินอาหารทำงานเป็นปกติ เพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่าย และยังช่วยจับคอเลสเตอรอลไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอีกด้วย
องุ่น (Grape)...ผลไม้สร้างคอลลาเจน
ใครที่อยากเป็นหนุ่มเป็นสาวสองพันปีก็ต้องรีบไปหาองุ่นมาทาน และต้องทานเมล็ดองุ่นด้วย เพราะในเมล็ดองุ่นมีสาร “โอพีซี” (Algometry Proanthocyanidin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซีถึง 20 เท่า และสูงกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า
องุ่น จึงเป็นผลไม้ที่ช่วยรักษาสุขภาพจากภายในช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณให้ดูอ่อนกว่าวัย ช่วยชะลอความชรา และเป็นสารต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังมีสรรพคุณทางยาที่ดีหลายชนิด นอกจากนี้ยังมีสารอาหารจำพวกกรดอินทรีย์อีกประมาณ 7-8 ชนิด น้ำตาลกลูโคส น้ำตาล ซูโคส เหล็ก และแคลเซียม
ผักเป็นยา..ผักกาดเขียวปลี (Mustard green)
แพทย์แผนไทยโบราณ ได้จัดผักกาดเขียวปลีเป็นสมุนไพร ซึ่งสามารถนำผักจำพวกผักกาดต้มน้ำ ดื่มแก้เจ็บคอ หรือใช้หยดเป็นยาล้างแผลเรื้อรังได้
ผักกาดเขียวปลีมีสารอาหารสูง โดยเฉพาะเบต้าแคโรทีนที่จะเปลี่ยนเป็นวิตามิน A ให้แก่ร่างกาย ทำให้ป้องกันโรคตาฟาง ตาบอดกลางคืน หรือต้อตาชนิดต่างๆ ในคนชราได้ นอกจากนี้ เมล็ดของผักกาดเขียวมีคุณสมบัติทางยา มีกลิ่นฉุน ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร รักษาโรคหวัด ตลอดจนช่วยย่อยอาหารทำให้ท้องไม่อืด หรือแน่นเฟ้ออีกด้วย อีกทั้งน้ำมันที่สกัดจากเมล็ดผักกาดเขียวปลียังแก้ปวด แก้แพ้อากาศ หรือบรรเทาอาการคันได้ดีอีกด้วย
พืชมหัศจรรย์...ต้นข้าวสาลีอ่อน (Wheatgrass)
ต้นข้าวสาลีอ่อน ต้นหญ้าใบเล็กๆ สีเขียวๆ ที่อุดมไปด้วยโภชนาการสูง เนื่องจากสามารถดูดซึมแร่ธาตุจากดินไว้ถึง 92 ชนิด จากจำนวนแร่ธาตุในดินทั้งหมด 102 ชนิด มีทั้งแคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โซเดียม และโปรแตสเซียม มีคลอโรฟิลล์อยู่สูงถึง 70% และเต็มไปด้วยกรดอะมิโนนานาชนิด นอกจากนี้ ในต้นข้าวสาลียังมีโปรตีนอยู่ในปริมาณสูง เหมาะสำหรับตับอ่อนจะนำไปใช้ในการเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลให้กลายเป็นพลังงาน ช่วยสร้างเม็ดเลือดและบำรุงร่างกายให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า รักษาอาการผิดปกติต่างๆ และโรคภัยใช้เจ็บที่เกิดแก่ร่างกายได้
ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่เริ่มกิน ควรกินในขณะท้องว่างเพราะร่างกายสามารถดูดชิมสารอาหารได้ดีที่สุด อาจรู้สึกคลื่นไส้บ้าง ในช่วงแรกๆ เพราะสารคลอโรฟิลล์จะไปทำปฏิกิริยากับสารพิษและเมือกต่างๆ ในกระเพาะอาหาร