กิจกรรมวันแม่.. สิงหาพาแม่เที่ยว
เดือนสิงหาคม.. นี้ คุณจะพาคุณแม่ไปร่วมกิจกรรมวันแม่ที่ไหน...หากยังคิดไม่ออก ลองเลือกดูกันเผื่อจะถูกใจที่ไหนสักที่
นางสาวเบญจวรรณ สุเนตรวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.ภาคกลางเขต 8 กล่าวว่า วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และนับว่าเป็นวันแม่แห่งชาติ เป็นวันสำคัญที่เป็นโอกาสพิเศษให้แม่ลูกและครอบครัวได้มีกิจกรรมร่วมกัน เพิ่มความรักความใกล้ชิดกับพระในบ้านองค์นี้
สำนักงาน ททท.ภาคกลางเขต 8 จึงขอเชิญชวนลูก ๆ ที่น่ารักของคุณแม่คุณพ่อร่วมเดินทางท่องเที่ยวช่วงเดือนแห่งความรักความกตัญญูตามโครงการสิงหาพาแม่เที่ยว ซึ่งในพื้นที่รับผิดชอบมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่สามารถจัดเป็นเส้นทางท่องเที่ยวได้หลายเส้นทางทั้งแบบค้างคืนและไปกลับ
หากมีเวลาเพียงหนึ่งวัน เที่ยวได้ครบในหนึ่งจังหวัด
ขอแนะนำเส้นทางสุขใจ เที่ยวเมืองไทย ใกล้กรุงเทพฯ ในพื้นที่ 5 จังหวัด - สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และขอยกตัวอย่าง 5 เส้นท่องเที่ยวสำหรับการเดินทางในช่วงเดือนสิงหาคมนี้
เส้นทางแรก จากกรุงเทพฯ เที่ยวเมืองปากน้ำ
ชมพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สถาปัตยกรรมร่วมสมัยทั้งของฝั่งตะวันออกและตะวันตก แวะชมแหล่งเพาะพันธุ์จระเข้และตะโขงที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ
ตอนเที่ยงเลือกชิมอาหารอร่อยที่มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งอาหารทะเลสดใหม่
อาหารไทย-จีน หรือจะเดินเที่ยวตลาดบกตลาดน้ำในพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย “เมืองโบราณ” หลังอาหารเที่ยงเที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ 116 แหล่งในเมืองไทยบนพื้นที่กว่า 800 ไร่
ยามเย็นเลือกชมบรรยากาศชายทะเลยามพระอาทิตย์อัสดงบนสะพานสุขตา
และเลือกรับประทานอาหารอร่อยเคล้าเสียงคลื่นบนศาลาสุขใจ หากใครมีโอกาสมาในวันเสาร์ตั้งแต่เวลา 17.00–21.00 น. จะมีกิจกรรมพิเศษเปิดฟลอร์ลีลาศ อิ่มเอมไปกับเสียงเพลงสมัยสุนทราภรณ์อันไพเราะควบคู่กับอาหารรสชาติอร่อยในราคาปกติตามเมนูให้กับอาหารมื้อเย็นและคนรับประทานได้มีความสุขมากยิ่งขึ้น คิดค่าดนตรีภายในฟลอร์ลีลาศเพียงคนละ 50 บาทเท่านั้น
เส้นทางที่สอง ออกเดินทางแต่เช้ามุ่งหน้าสู่จังหวัดฉะเชิงเทรา
ขอพรองค์หลวงพ่อพุทธโสธรองค์จริง พร้อมชมพระอุโบสถวัดโสธรวรารามวรวิหารหลังงามทรงคุณค่าทั้งรูปธรรมและนามธรรม ขอพรพระสังกัจจายให้เจริญก้าวหน้าร่ำรวย จากนั้นเดินไปท้ายวัดจับจองที่นั่งบนเรือท่องเที่ยว ล่องเรือชมแม่น้ำบางปะกง ฟังเรื่องเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งวิถีชีวิตริมฝั่งแม่น้ำสายชีวิตของภาคตะวันออก สิ้นสุดกิจกรรมล่องเรือขึ้นฝั่งที่ท่าน้ำบ้านใหม่
เดินเที่ยวตลาดเก่าอายุกว่า 100 ปี “ตลาดบ้านใหม่”
สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และละครย้อนยุค และแหล่งจับจ่ายอาหารอร่อยเลือกซื้อของคาวหวาน ตลาดจะคึกคักมากในวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ หากมาในช่วง 11-13 สิงหาคม นี้ เทศบาลเมืองฉะเชิงเทราและชุมชนบ้านใหม่ได้จัดเทศกาลอาหารอร่อย ย้อนรอยวัฒนธรรมไทย- จีน มีกิจกรรมการแสดงไทย-จีน และเมนูอาหารอร่อยให้นักท่องเที่ยวได้ลองลิ้มชิมรสหลากหลายรายการ
เดินเท้าไปท้ายตลาดแวะไหว้พระและขอพรเทพเจ้าต่าง ๆ
ตามคติความเชื่อของชาวจีนที่สร้างจากกระดาษถึง 37 องค์ ณ วัดจีนประชาสโมสร หรือจะเลือกทำบุญบูรณะองค์หลวงพ่อโต ณ วัดอุภัยภาติการาม ก่อนจะเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
เส้นทางที่สาม จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางเรียบคลองรังสิต – องครักษ์ – นครนายก
ชมแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ระหว่างเส้นทาง ทั้งศูนย์ไม้ดอกไม้ประดับ คลอง 15 องครักษ์ มีพรรณไม้นานาชนิดให้เลือกไปปลูกที่บ้าน ทั้งไม้หอม ไม้ไทย ไม้มงคล ไม้ประดับ ไม้ถุง ราคาไม่แพง จากนั้นมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง ชมพิพิธภัณฑ์ทางทหารและร่วมกิจกรรมท่องเที่ยวในเขตทหารน่าเที่ยว “โรงเรียนเตรียมทหาร” และ “โรงเรียนนายร้อย จปร.”
รับประทานอาหารกลางวันหลากหลายบรรยากาศและรสชาติ
ช่วงบ่ายชมแหล่งท่องเที่ยวบนเส้นทางถนนสายสีเขียวมีให้เลือกสรรสำหรับคุณแม่คุณลูกทั้งเล่นน้ำบนสายน้ำใส– น้ำตกสาริกา น้ำตกนางรอง อุทยานวังตะไคร้, เลือกกิจกรรมท่องเที่ยวผจญภัย “ล่องแก่งลำน้ำนครนายก” ยามเย็นชมพิพิธภัณฑ์เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ ณ “ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ นครนายก”
ก่อนเดินทางกลับชมทัศนียภาพของผืนป่าเขาใหญ่-ดงพญาเย็น
มรดกโลกแห่งใหม่ของประเทศไทย บนสันเขื่อนคอนกรีตบดอัดยาวที่สุดในประเทศไทย “เขื่อนขุนด่านปราการชล” โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งมีความยาวถึง 2,594 เมตร สูง 93 เมตร
ก่อเกิดประโยชน์นานัปการทั้งทางตรง อาทิ การชลประทาน เกษตรกรรม ผ่อนคลายภาวะน้ำท่วม น้ำแล้ง ดินเปรี้ยว และทางอ้อมนั้นคือการท่องเที่ยว เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดนครนายก และส่งผลให้มีกิจกรรมล่องแก่งลำน้ำนครนายกได้ตลอดทั้งปี
เส้นทางที่สี่ เดินทางจากบ้านแต่เช้าสักหน่อย
กราบขอพรพระพุทธรูปปางอภัยทานและศึกษาปริศนาทางธรรมที่วัดแก้วพิจิตร แปลกตาด้วยสถาปัตยกรรมสี่ชาติของอุโบสถ จากนั้นมาเรียนรู้เรื่องการแพทย์แผนไทยที่ “ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร” ผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยนวดแผนไทย หรือจะเลือกซื้อของฝากจากผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั้งเครื่องดื่ม เครื่องใช้ เครื่องสำอาง ยาต่าง ๆ
รรับประทานอาหารกลางวันแล้ว เลือกเดินทางท่องเที่ยวต่อมีให้เลือกถึง 2 แหล่งท่องเที่ยว
หลักทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณสถานเมืองศรีมโหสถ โบราณสถานสระมรกต พิพิธภัณฑ สถานปราจีนบุรี พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ หรือจะเลือกชมน้ำตกงามในเขตอำเภอประจันตคาม แวะเล่นน้ำเย็น ๆ ก่อนจะเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
เส้นทางที่ห้า เดินทางไกลสักหน่อย แต่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง ช่วงบ่ายเดินเที่ยวตลาดโรงเกลือที่มีถึง 5 ตลาด
เดินทางออกจากบ้านแต่เช้า มุ่งหน้าสู่จังหวัดสระแก้ว ด้วยระยะทางเพียง 245 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ เข้าตัวเมืองชมความงามของผืนป่าเขาใหญ่-ดงพญาเย็น ใช้เวลาสัก 2 ชั่วโมงชมแหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติปางสีดา ขับรถมุ่งหน้าสู่เขตอรัญประเทศ รับประทานอาหารกลางวันทั้งอาหารไทย-เวียดนาม
นับว่าเป็นตลาดการค้าชายแดนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เลือกซื้อของฝากทั้งของกิน ของใช้-ของมือหนึ่งมือสองคุณภาพดี จากนั้นมุ่งหน้าสู่อำเภอตาพระยา ฝากรถยนต์ไว้ ณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จับจองรถอีแต็กชมสิ่งมหัศจรรย์จากการสรรค์สร้างของธรรมชาติ “ละลุ” หากใครจะพักค้างคืนก็มีบริการบ้านพัก “ละลุโฮมสเตย์” มาเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน
และเพิ่มความสุขความใกล้ชิดให้กับคณะเดินทางจะนอนพักค้างคืนในพื้นที่ทั้ง 5 จังหวัดมีสถานพักแรมที่มีความหลากหลายทั้งบรรยากาศ ราคา สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
มืดที่ไหนนอนที่นั้น จัดวางโปรแกรมตามเส้นที่ทั้ง 5 เส้น ทางบวกเพิ่มเป็นเส้นทางท่องเที่ยวสุขใจ เช่น
• โปรแกรม 3 วัน 2 คืน เริ่มต้นด้วยเส้นทางที่หนึ่ง (สมุทรปราการ) - เส้นทางที่สอง (ฉะเชิงเทรา) – เส้นทางที่สี่ (ปราจีนบุรี)
• โปรแกรม 3 วัน 2 คืน เริ่มต้นด้วยเส้นทางที่สาม (นครนายก) – เส้นทางที่สี่ (ปราจีนบุรี) – เส้นทางที่ห้า (สระแก้ว)
• โปรแกรม 2 วัน 1 คืน เริ่มต้นด้วยเส้นทางที่ 2 (ฉะเชิงเทรา) – เส้นทางที่ห้า (สระแก้ว)
• โปรแกรม 2 วัน 1 คืน เริ่มต้นที่เส้นทางที่สาม (ปราจีนบุรี) – เส้นทางที่ห้า (สระแก้ว)
ข้อมูลจาก สำนักงาน ททท.ภาคกลางเขต 8