โบราณสถานเวียงลอ ตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอจุนไปตามทางหลวงหมายเลข 1021 ถึงบ้านห้วยงิ้วประมาณ 17 กิโลเมตร มีทางแยกเป็นทางเดินถึงบ้านน้ำจุนอีก 12 กิโลเมตร มีทางแยกเป็นทางเดินถึงบ้านน้ำจุนอีก 12 กิโลเมตร ปรากฏซากกำแพงเมืองเก่า วัดร้างอยู่มากมาย พระธาตุและวัดเก่าแก่คือ วัดศรีปิงเมือง เมืองลอหรือเวียงลอ มีคูเมืองและกำแพงคันดิน 1-2 ชั้น ล้อมรอบ ตั้งอยู่ที่ราบระหว่างเชิงดอยจิกจ้องและแม่น้ำอิง
ย้อนอดีต ชมเสน่ห์เมืองเก่า ณ โบราณสถานเวียงลอ
ประวัติและผังเมืองของโบราณสถานเวียงลอ
ลักษณะผังเมืองเป็นรูปค่อนข้างกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 500 เมตร มีแม่น้ำอิงไหลผ่านแนวกำแพงด้านทิศใต้ และแม่น้ำอิงที่เปลี่ยนทางเดินไหลผ่านกลางเมือง จากทิศใต้ไปยังมุมเมืองด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แนวกำแพงเมืองเป็นคันดินไม่สูงนัก บางส่วนมีร่องรอยการก่ออิฐเสริมด้วยคูเมืองส่วนใหญ่ตื้นเขิน
ภายในตัวเมืองมีบ่อน้ำกรุอิฐจำนวนมาก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ทำไร่ข้าวโพดและเป็นที่รกร้างว่างเปล่า แต่เดิมภายในเมืองลอ มีวัดร้างกว่า 50 วัด ตามวัดร้างจะพบพระพุทธรูปหินทรายและพระพุทธรูปทองสำริดจำนวนมาก แต่ถูกทำลายลงไปเกือบหมดแล้ว ที่สำคัญคือ วัดพระธาตุหนองห้าเป็นศาสนสถานที่ตั้งอยู่บนลาดชายเนินเขา ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงคล้ายพระธาตุเจดีย์ที่วัดลีเมืองพะเยา ซึ่งสัณนิษฐานว่าสร้างเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 21 เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานว่า 900 ปี
ส่วนด้านเหนือจรดคูเมืองและด้านท้ายของจารึกยังบอกว่า ผู้ใดมาครองเมืองลอต่อไปขอให้บำรุงพระพุทธศาสนาและวัดใหม่นี้สืบไปอย่าได้ทำลาย ความในศิลาจารึกกล่าวชี้ให้เห็นว่า เวียงลอ หรือเมืองล่อ เป็นเมืองโบราณที่มีคูเมืองกำแพงเมืองล้อมรอบอย่างน้อย สองชั้นและชื่อเมืองลอ (เมืองล่อ) ก็เป็นชื่อเรียกกันมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 21 และเมืองลอสร้างก่อนปีที่สร้างวัดป่าใหม่นี้ หรือก่อน พ.ศ. 2040
ในสมัยล้านนา “เวียงลอ” เป็นเมืองสำคัญอยู่ระหว่างเส้นทางคมนาคมติดต่อระหว่างเมืองเชียงแสน เมืองเชียงของ เมืองเทิง เมืองพะเยา และเมืองน่าน ล้านช้าง ดังปรากฏในตำนานพระเจ้าทองทิพย์ วัดสวนตาล เมืองน่านว่า ในรัชสมัยพระเจ้าติโลกราช พ.ศ. 1993 คราวที่เสด็จไปตีเมืองน่าน ยกทัพผ่านเมืองลอและตั้งขุนนาง ครองเมืองลอด้วยเวียงลอ ยิ่งมีความสำคัญและมีผู้คนอยู่อาศัยมาตลอดสมัยล้านนา
และแม้ว่าล้านนาจะตกอยู่ในอำนาจพม่า แต่พม่ายังให้ความสำคัญโดยเจ้าเมืองลอ มีฐานะเท่าเจ้าเมืองสาดและให้เมืองลอขึ้นกับเมืองพะเยาในสมัยกรุงธนบุรี พ.ศ. ๒๓๒๒ พระยากาวิละได้กระทำการไถ่โทษโดยการตีเอาเมืองลอและเมืองเทิง กวาดต้อนผู้คนมาถวายสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งความในตำนานกล่าวชี้ให้เห็นว่า เมืองลอยังเป็นเมืองสำคัญและมีผู้คนอยู่อาศัยมาโดยตลอด
จนถึงสมัยกรุงธนบุรี สันนิษฐานว่าเมือง ละจะร้างผู้คนและหมดความสำคัญลงในคราวที่พระยากาวิละยกทัพไปตี และกวาดต้อนผู้คนลงไปทั้งหมดนั่นเองสมัยพระเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าปกครองนครน่านได้ให้ขุนหลวงไชยสถานนำไพร่พลออกมาตั้งบ้านเรือนใหม่เรียกว่า “เมืองจุน”
หลังจากที่เมืองลอเสื่อมลง ขุนหลวงไชยสถานก็ได้รวมเอาเมืองลอไว้ด้วยกันในปี พ.ศ. 2443 เมืองลอ เมืองจุน เมืองเทิง นครน่าน เชียงของ รวมกันเป็นเขตการปกครอง “นครน่านเหนือ รวมเมืองพาน แม่สรวย เวียงป่าเป้า เชียงราย เชียงแสน แม่จัน ยุบเมืองลอ เมืองจุนเป็นตำบลขึ้นอยู่ในเขตการปกครองเป็นมณฑลพายัพเหนือ วันที่ 24 สิงหาคม 2506
กระทรวงมหาดไทยยกฐานะเป็นตำบลลอ ตำบลจุนเป็นกิ่งอำเภอ ให้อยู่ในเขตการปกครองของอำเภอเชียงคำ จังหวัดเชียงราย ต่อมาวันที่ 12 กรกฎาคม 2508 ได้ยกฐานะจากกิ่งอำเภอเป็น “อำเภอจุน” จังหวัดเชียงราย จนถึงวันที่ 28 สิงหาคม 2520 ได้มีการจัดตั้งจังหวัดใหม่ คือ จังหวัดพะเยา ให้อำเภอจุนอยู่ในเขตปกครองของจังหวัดพะเยา นับแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
โบราณสถานเวียงลอ นั้นกินอาณาบริเวณกว้างใหญ่มาก ตั้งอยู่บนสองฝั่งลำน้ำอิง การจะชมให้ทั่วถึงนั้นต้องใช้เวลามากและการเดินทางที่ไกล รถยนต์ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่โบราณสถานจุดสำคัญต่างๆได้ พาหนะที่เหมาะสมมากๆคือจักรยาน ทำให้ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์และสัมผัสธรรมชาติ วิถีชีวิตอันสวยงามอีกด้วย ถ้ามีจักรยานควรติดไปด้วยเมื่อมาถึงโบราณสถานเวียงลอ รับรองจะเพลิดเพลิน สนุกและมีความสุขกับการมาเยือนโบราณสถานเวียงลอแห่งนี้
ข้อมูลโดย Visitphayao