● โกรธได้ แต่ห้าม ..●
การทะเลาะเบาะแว้งกัน เป็นเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์ในสังคม ที่มีความคิดเห็นและทัศนคติ รวมถึงความยึดมั่นที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะเมื่อมนุษย์มากกว่า 1 คนต้องใช้ชีวิตในที่ใดที่หนึ่งร่วมกัน ดังนั้นการใช้ชีวิตคู่จึงหลีกไม่พ้นที่จะพบเจอสงครามจิตฯ ชนิดนี้ด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน จะทำได้ก็แค่เพียงผ่อนหนักให้เป็นเบา ถ้าฝ่ายหนึ่งกำลังเดือด และอีกฝ่ายกำลังเย็น ก็ยังไม่ค่อยเท่าไร แต่ยิ่งหากครั้งไหนเกิดเดือดปุดๆๆขึ้นมาพร้อมกันทั้งคู่แล้วล่ะก็ จงตั้งสติให้ดี แล้วทำตามคำแนะนำต่อไปนี้อย่างเคร่งครัดเวลาโกรธกับคู่รักของคุณ
1. ไม่รื้อฟื้นเรื่องอดีต
บ่อยครั้งเวลาที่คนเราเกิดทะเลาะกับคนที่เรารัก เรามักจะรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสดีแล้วที่ชั้นจะได้ระบายความคับข้องใจออกมาให้หมด รวมถึงรอยแผลเก่าและบุญคุณในอดีต เอาให้อีกฝ่ายยอมจำนนไปเลย เพื่อความสะใจ ให้มันรู้ซะบ้างว่าชั้นทนมานานแล้ว! ….แต่นั่นเป็นความคิดและการกระทำที่เห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง อย่าบั่นทอนความรักความรู้สึกดีๆที่มีต่อกัน หรือทำให้สถานการณ์มันเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเลยครับ ถ้าอดไม่ได้ที่จะรำลึกความหลัง ก็ควรพูดถึงแต่เรื่องดีๆ ของอีกฝ่ายต่างหาก แล้วจะทำให้คุณทั้งสองมีความรู้สึกที่’เย็นลง’เยอะเลยทีเดียว เรียกว่าเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมในขั้นของ ‘มโนกรรม’ก่อนที่จะลุกลามไปถึง ข้อ 2
2. ไม่ขึ้นเสียง!
มาถึงขั้นของวจีกรรมแล้ว….ตอนสมัยวัยรุ่นคุณคงเคยทะเลาะกับเพื่อนมาบ้าง แล้วจำได้ไหมว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ใช่แล้ว! ส่วนใหญ่ตอนแรกก็จากค่อนแคะเหน็บแนมกันธรรมดา แต่พอผ่านไปสัก 4-5ประโยค ต่างฝ่ายต่างเริ่มเร่ง Volume เพื่อให้เสียงของตัวเองดังกว่า…..ผลก็คือการเป็นการตะโกนและตวาดกันไปมา! ซึ่งในทางจิตวิทยาแล้วเนี่ย เป็นการกระตุ้นสัญชาติญาณ ‘Fight or Flight ‘ของอีกฝ่ายให้รุนแรงมากขึ้น เพื่อปกป้องตัวเอง และกว่าจะมารู้ตัวอีกที ก็ระเบิดออกมาทั้งคู่จนใครๆก็ยั้งไม่อยู่แล้ว! อีกทั้งคำพูดแต่ละคำที่ผรุสวาทออกมา ก็เชือดเฉือนได้บาดลึกซะไม่มี เพราะไม่ได้กลั่นกรองเซ็นเซอร์ผ่านสมองออกมาเสียก่อน สาดโคลนกันจนเละทั้งสองฝ่าย สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจ จนนำไปสู่ข้อ 3
3. ไม่ลงไม้ลงมือ
อันนี้สืบเนื่องมาจากข้อ 2 เลย…..เมื่อเกิดบันดาลโทสะขึ้นมาทางวาจาแล้ว ก็แหม…คำพูดมันก็มีขีดจำกัดของมัน ต่อให้รุนแรงแค่ไหน เมื่อปรี๊ดดดถึงจุดๆหนึ่ง อารมณ์มันก็อยากจะแสดงออกมาทางกายาบ้างแล้ว….สมัยนี้ผู้ชายหลายๆคน ใช่ว่าจะมีความศิวิไลซ์ตามยุคไฮเทคไปด้วย ถึงแม้โลกจะพัฒนาไปแค่ไหน แต่สันดาน เอ๊ย! สัญชาติญาณดิบที่ฝังอยู่ใน DNA มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ก็มีพลังมากซะจนลงไม้ลงมือ ถึงขั้นเลือดตกยางออกกันให้เห็นอยู่เนืองๆ ไม่เว้นแม้แต่คนในวงการบันเทิง ที่มีรูปฝ่ายหญิงตาบวม เลือดสาดออกมาให้เห็นแล้วน่าเวทนายิ่งนัก ทั้งๆที่แรกเริ่มความสัมพันธ์ก็สวีทหวานแหววกันดี…..เอาเป็นว่าข้อนี้ขอฝากชายหนุ่มไว้ด้วยก็แล้วกัน อย่าเห็นคนรักของคุณเป็นกระสอบทรายเป็นอันขาด! ให้นึกถึงตอนที่คุณเริ่มจีบเธอใหม่ๆ ว่าเธอน่าทะนุถนอมแค่ไหน ขนาดแมลงตัวเดียวคุณยังไม่ยอมให้มากัดเธอเลย จำได้ไหม!?
4. ไม่ทวงบุญคุณ
สิ่งดีๆที่คุณเคยทำให้อีกฝ่ายมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือใหญ่โตเพียงใด จะเป็นสิ่งของหรือการช่วยเหลือใดๆ จะเป็นสิ่งอยู่ในใจของเขาหรือเธอไปตราบนานเท่านาน…..แต่ถ้าหากเกิดการทวงบุญคุณกันขึ้นมาแล้วล่ะก็ ความทรงจำในเรื่องเหล่านั้น ดูเหมือนจะอันตธานหายไปทันที! เหมือนคำกล่าวที่ว่า ‘บุญคุณทวง = บุญคุณหายกัน’ ดังนั้นอย่าทวงของมีค่า หรือทวงความดีคืนเลยครับ มันจะไม่คุ้มกับที่อุตส่าห์ทำมา เพราะความรักเป็นสิ่งที่ตีเป็นมูลค่าไม่ได้
5. ไม่งอนข้ามคืน
ปัญหาหรือข้อสงสัยในการทำงานทั่วไป เมื่อคุณเก็บเอาไว้ในใจ พอวันรุ่งขึ้นตื่นมา อาจมีคำตอบดีๆแวบขึ้นมาโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงเรื่องของความโกรธ ซึ่งเป็นอารมณ์ที่รุนแรงที่สุดของมนุษย์ ลองมันเกิดขึ้นแล้วล่ะก็ ต้องรีบหาทางกำจัดมันออกไปโดยเร็วที่สุด ก่อนที่ความคิดในทางลบทั้งหลายจะตามมาเป็นพรวน ยิ่งในเวลานอนด้วยแล้วล่ะก็ คุณทำได้อย่างมากก็แค่ ข่มอารมณ์โกรธไว้ นอกจากจะทำให้คุณนอนไม่หลับแล้ว คู่กรณี เอ๊ย! คู่รักของคุณก็จะพลอยหลับไม่ลงไปด้วย เหมือนมีเมฆหมอกมาคุปกคลุมห้องนอนอยู่….ถ้าเป็นอย่างนั้น อย่าเพิ่งนอนเลย ถ้าจะนอนก็นอนหันหน้าเข้าหากัน แล้วพูดคุยกันให้เข้าใจก่อนดีกว่า หากต่างฝ่ายยังมีเยื่อใยกันอยู่จริง บทรักที่เผ็ดร้อนก็อาจจะตามมา เป็นยารักษาความโกรธได้ชะงัดทีเดียว และคืนนั้นก็อาจกลายเป็นค่ำคืนที่แสนสุขขึ้นมาแทนก็ได้
6. ไม่บอกเลิก
ถ้าจะขอเลิก ก็ขอเลิกสู้รบปรบมือกันดีกว่า อย่าเผลอไปท้าทายขอเลิกหรือหย่าร้างกันเด็ดขาด สมัยนี้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ส่วนใหญ่จะรักศักดิ์ศรีของตัวเองกันทั้งนั้น ถ้าลองมาท้าให้เลิก ครั้งแรกๆอาจจะได้ผลอยู่ แต่ในระหว่างนั้น รอยร้าวได้เกิดขึ้นแล้ว! ไม่มีใครทนให้ดูถูกได้ตลอดไปหรอก เขาหรือเธอต้องเลิกกับคุณเข้าจริงๆซักวัน.....กล่าวคือ ใน 5 ข้อข้างต้นที่กล่าวมานั้น เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ยังพอที่จะประคองความสัมพันธ์ไปต่อได้ แต่ในข้อนี้หรือการบอกเลิกกันนั้น เรียกว่าเป็น Ultimatum หรือคำขาดเลยทีเดียว ซึ่งมักจะทำให้คุณต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง เพราะตอนที่พูดนั้นคุณก็แค่อยากจะเอาชนะเท่านั้น….ดังนั้น ข้อนี้สำคัญที่สุดเลย กลับคำเสีย อย่าเอ่ยมันออกมา คำบางคำนั้นแรงเกินไป (ยืมเนื้อเพลงมาหน่อย ฮา) ห้ามบอกเลิกกันเด็ดขาด!
นั่นแหละ คำแนะนำยามโกรธกันระหว่างคู่รัก ที่นำมาฝากกัน แต่พอถึงเวลาจริงๆ อารมณ์ก็มักจะอยู่เหนือสติ ดังนั้นหลายๆ คู่ที่มีความตั้งใจและจริงจังในการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างแท้จริง (หรือมี Commitment) จึงมักจะทำข้อตกลงไว้ก่อน ในช่วงเริ่มต้นความสัมพันธ์ ว่าทั้งคู่จะไม่โกรธพร้อมกัน ถ้าอีกฝ่ายกำลังร้อน อีกฝ่ายต้องเย็น และต้องไม่รื้อฟื้นอดีต ไม่ลงไม้ลงมือ ไม่โกรธข้ามคืน รวมถึงข้อสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ท้าทายให้เลิกกัน ซึ่งการทำข้อตกลงแบบนี้ จะช่วยเตือนสติได้มาก และทำให้ชีวิตคู่ยั่งยืน ราบรื่นขึ้นเยอะทีเดียว…….ส่วนคู่ไหนที่โกรธกันแล้ว หลังจากไฟโกรธดับมอดลง ก็จงมองมันให้เป็นโอกาสในการพัฒนาความรักที่มีต่อกันให้แน่นแฟ้นขึ้น In Peace & In Love ด้วยนะ