เมื่อมีคำว่า "ลา" ก็ย่อมมีคำว่า "จาก"
หลายครั้งในชีวิตของคนเรานั้นย่อมจะมีคำว่า "ลา" การลาเป็นสิ่งที่ทำให้สิ่งสองสิ่งจะต้องแยกออกจากกันด้วยระยะห่างที่สามารถจะวัดออกมาเป็นหน่วยต่างๆ ตามที่มนุษย์กำหนด อีกทั้งการลาอาจจะบ่งบอกถึงการยุติการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เคยกระทำเป็นประจำตามหน้าที่ การลาอาจจะทำให้เรามีความรู้สึกว่าทั้งเศร้าเสียใจหรืออาจจะดีใจก็ได้ ตัวอย่างเช่น การลาพักผ่อน เป็นการหยุดทำหน้าที่ที่เคยปฏิบัติชั่วคราว และเราก็นำตัวของเราไปสู่อีกที่หนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกสบายผ่อนคลายพักผ่อนมีความสุข และการลาอีกอย่างที่อาจจะทำให้เกิดความทุกข์และเศร้า ก็อาจจะเป็นการลาออกจากงาน (โดยที่เราถูกบังคับให้ลาออก) เห็นหรือยังครับว่า การลานั้นทำให้เราทั้งมีความสุขและทุกข์ไปด้วยกันแล้วแต่สถานการณ์และโอกาส
การลาทำให้เราผู้ที่เกี่ยวข้องควรจะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเหตุผลคือ "การลา" มักจะคู่กับ "การจาก" การลาทำให้เรานั้นจะต้อง "จาก" ในสิ่งที่เราเคยทำหรือเคยปฏิบัติ ซึ่งโดยส่วนมากแล้วการลามักจะทำให้เกิดความเสียใจโดยส่วนมาก เมื่อเราได้เห็นได้รู้ว่าเมื่อไรจะมีการลา เรามักจะเกิดความรู้สึกว่าไม่อยากให้เกิดการลาเลย โดยบางครั้งเราอาจจะเคยเห็นเคยได้ยินคำว่า "ลา" นั้นมีหลายประเภท เช่น ลาบวช ลากิจ ลาพักผ่อน ลาศึกษาต่อ ลาออก เป็นต้น แต่สิ่งหนึ่งที่อาจจะหลายๆ คนอาจจะยังไม่ทราบว่ายังมีลาอีกอย่างหนึ่งที่เราอาจจะไม่เคยได้ "ลา" หรือ ได้เคยปฏิบัติ สิ่งนั้น คือ "ลาตาย" เพราะเหตุใดที่ผู้เขียนได้กล่าวถึง "ลาตาย" เพราะการลาตายเป็นสิ่งที่เราหลีกหนีไม่พ้นอย่างแน่นอน การลาตายทำให้เราจะต้องจากกับสิ่งที่รักสิ่งที่เราเคยห่วงแหนเคยผูกพัน การลาดังกล่าวทำให้เราต้องจากห่างจากสิ่งที่เราเคยรัก ทำให้เราเกิดความเสียใจเศร้าใจ
อย่างไรก็ตาม หากเราทุกคนได้เรียนรู้ว่าการลานั้นไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้ายเสียหายเลย เป็นสิ่งเราจะต้องเรียนรู้และยอมรับว่าการลาเป็นเรื่องที่เราจะต้องพบประสบกันทุกคน ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนขอให้เราทุกคนมาเรียนรู้ "การลา" ย่อมจะคู่กับ "การจาก" และสิ่งหนึ่งที่จะทำให้การลาและการจากเกิดความสุข คือ เราทุกคนควรจะต้องเรียนรู้ว่าการลามันเป็นเรื่องที่สมมติขึ้นมาเท่านั้น ทำไมเราจะต้องให้เรื่องสมมติดังกล่าวมาทำร้ายเราให้เสียใจ เราจะต้องสามารถกำหนดให้เรื่องการลาเป็นเรื่องปกติในของชีวิตของเราให้ได้
หลายๆ คนอาจจะเคยมีความรู้สึกว่าอยากจะลาออกจากงานที่ทำอยู่ อาจจะเป็นเพราะปัญหาในการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาก็แล้วแต่ ซึ่งการลาออกเป็นหนทางหนึ่งของการยอมแพ้ในสิ่งที่เราคิดว่าเราไม่สามารถอดทนต่อไปได้ เพราะหากเราจะทำต่อไปเราจะเกิดความทุกข์อย่างหาที่สุดมิได้ แต่สำหรับผู้เขียนแล้วการลาออกเป็นหนทางทางเลือกสุดท้าย (และสุดท้ายจริงๆ) ที่เราจะเลือก ดังนั้น อย่าให้การลาออกเป็นทางเลือกที่เราเลือกโดยที่เราไม่อยากจะเลือกจริงๆ ขอให้การลาออกเป็นการทางเลือกสำหรับที่เราจะเดินทางไปสู่ความสุขที่ยั่งยืนเท่านั้นครับ
และสุดท้ายนี้ ผู้เขียนขอให้เราทุกคนได้เรียนรู้ว่า เมื่อ "ลา" ก็จะต้องมี "จาก" เมื่อมี "จาก" เราก็ไม่ต้องไม่เสียใจเศร้าใจ
เมื่อลา ก็ต้องจาก
เมื่อจาก ก็ต้องห่าง
เมื่อห่าง ก็ต้องไป
เมื่อไป ก็ต้องกลับ
เมื่อไม่กลับ ก็ต้องลับจากกันในที่สุด
ขอบคุณที่มา :: คุณ
อย่างไรก็ตาม หากเราทุกคนได้เรียนรู้ว่าการลานั้นไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้ายเสียหายเลย เป็นสิ่งเราจะต้องเรียนรู้และยอมรับว่าการลาเป็นเรื่องที่เราจะต้องพบประสบกันทุกคน ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนขอให้เราทุกคนมาเรียนรู้ "การลา" ย่อมจะคู่กับ "การจาก" และสิ่งหนึ่งที่จะทำให้การลาและการจากเกิดความสุข คือ เราทุกคนควรจะต้องเรียนรู้ว่าการลามันเป็นเรื่องที่สมมติขึ้นมาเท่านั้น ทำไมเราจะต้องให้เรื่องสมมติดังกล่าวมาทำร้ายเราให้เสียใจ เราจะต้องสามารถกำหนดให้เรื่องการลาเป็นเรื่องปกติในของชีวิตของเราให้ได้
หลายๆ คนอาจจะเคยมีความรู้สึกว่าอยากจะลาออกจากงานที่ทำอยู่ อาจจะเป็นเพราะปัญหาในการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาก็แล้วแต่ ซึ่งการลาออกเป็นหนทางหนึ่งของการยอมแพ้ในสิ่งที่เราคิดว่าเราไม่สามารถอดทนต่อไปได้ เพราะหากเราจะทำต่อไปเราจะเกิดความทุกข์อย่างหาที่สุดมิได้ แต่สำหรับผู้เขียนแล้วการลาออกเป็นหนทางทางเลือกสุดท้าย (และสุดท้ายจริงๆ) ที่เราจะเลือก ดังนั้น อย่าให้การลาออกเป็นทางเลือกที่เราเลือกโดยที่เราไม่อยากจะเลือกจริงๆ ขอให้การลาออกเป็นการทางเลือกสำหรับที่เราจะเดินทางไปสู่ความสุขที่ยั่งยืนเท่านั้นครับ
และสุดท้ายนี้ ผู้เขียนขอให้เราทุกคนได้เรียนรู้ว่า เมื่อ "ลา" ก็จะต้องมี "จาก" เมื่อมี "จาก" เราก็ไม่ต้องไม่เสียใจเศร้าใจ
เมื่อลา ก็ต้องจาก
เมื่อจาก ก็ต้องห่าง
เมื่อห่าง ก็ต้องไป
เมื่อไป ก็ต้องกลับ
เมื่อไม่กลับ ก็ต้องลับจากกันในที่สุด
ขอบคุณที่มา :: คุณ