ตำนาน 15 ปี ปอร์เช่ บ็อกซเตอร์

ภาพจาก posttodayภาพจาก posttoday


โลดแล่น ไปบนถนนทั่วโลกมาแล้วกว่า 15 ปี กับ สุดยอดรถสปอร์ตอย่าง ปอร์เช่ บนบ็อกซเตอร์ (Boxster) 


        ได้เวลาอันสมควรแล้วแก่การเฉลิมฉลองการครบรอบ 15 ปี ที่ปอร์เช่ บ็อกซเตอร์ (Boxster) ที่ได้รับการผลิตขึ้นมา อีกทั้งยังมียอดการผลิตกว่า 300,000 คัน เมื่อรวมกับรุ่นเคย์แมน (Cayman) ซึ่งเป็นรุ่นที่เปรียบเสมือนพี่น้องกันเลยทีเดียว ด้วยรูปลักษณ์ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างเหนือกาลเวลาของรถสปอร์ต 2 ที่นั่ง เครื่องยนต์วางกลางจากค่ายปอร์เช่คันนี้นี่เอง ที่เสมือนเป็นตัวแทนของรถสปอร์ตได้อย่างงดงาม

        และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จนี้จึงได้มีบ็อกซเตอร์ (Boxster) รุ่นพิเศษออกมา นั่นคือรุ่นบ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxster Spyder) ที่มาพร้อมกับสีเงิน (Platinum Silver Metallic) และหนังแท้สีแดง (Carrera Red) ที่จะมาตกแต่งให้กับภายในรถเพื่อเพิ่มความโดดเด่นอีกด้วย โดยแผนการผลิตนี้จะเริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน สำหรับลูกค้าในเยอรมนีเป็นที่แรก

        เบื้องหลังความสำเร็จที่ยาวนานคือการพัฒนาแนวคิดเครื่องยนต์วางกลางอย่างต่อเนื่องและกลายมาเป็นรุ่นมาตรฐานที่โดดเด่นให้กับรถยนต์ในคลาสนี้เลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นตลาดรถสปอร์ตในอเมริกาได้จัดอันดับให้บ็อกซเตอร์ (Boxster) เป็นรถที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของรถที่ดีที่สุดถึง 10 ปีซ้อน ส่วนในเยอรมนีนั้นบ็อกซเตอร์มักได้ถูกจัดอันดับเป็นที่สองหรือที่สามเสมอ เพราะรุ่นที่ถือได้ว่าดีที่สุดและคว้าชัยที่หนึ่งมาได้นั้นคือรุ่น 911 นั่นเอง


ภาพจาก posttodayภาพจาก posttoday


        ต้นกำเนิดของบ็อกซเตอร์ (Boxster) มาจากการผสมผสานระหว่างความเป็นปอร์เช่ที่มีมาแต่ดั้งเดิมผสานกับความสามารถที่โดดเด่นของรถ ความปราดเปรียว และพร้อมจะทะยานไปได้ไกลอย่างไร้ขีดจำกัด ปอร์เช่เริ่มเปิดตัวบ็อกซเตอร์ (Boxster) เป็นครั้งแรกในปี 1993 ในงานดีทรอยด์ มอเตอร์โชว์ สำหรับเรื่องของการออกแบบนั้นบ็อกซเตอร์ (Boxster) ได้รับแนวคิดมาจากรุ่น 356 No. 1 และรุ่น 550 สไปเดอร์ (550 Spyder) ที่โด่งดังในอดีต และผลตอบรับที่ได้จากสาธารณชนอย่างดีเยี่ยมหลังจากการเผยโฉมออกมานี้เอง ส่งผลให้เกิดการตัดสินใจในการนำบ็อกซเตอร์เข้าสู่สายการผลิตในช่วงฤดูร้อนปี 1996 นั่นเอง


ภาพจาก posttodayภาพจาก posttoday


          ด้วยเส้นสายของรถที่แสดงให้เห็นถึงความคล่องตัว ด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่เหนือชั้น และด้วยราคาที่น่าดึงดูดใจทำให้รถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางรุ่นนี้กลายเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ขายดีที่สุด และได้รับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เข้าสู่โลกของ ปอร์เช่ได้ จากความสำเร็จของแนวคิดนี้ทำให้ปอร์เช่ตัดสินใจพัฒนารถยนต์คูเป้ที่มีรากฐานจากรุ่นเปิดประทุน 2 ที่นั่งขึ้นมาอีกหนึ่งรุ่นนั่นคือ เคย์แมน (Cayman) และทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน IAA Frankfurt Motor Show ปี 2005 ด้วยยอดขายและความต้องการที่ล้นหลามส่งผลให้ปอร์เช่ บ็อกซเตอร์ (Boxster) และเคย์แมน (Cayman) ต้องขยายการผลิตไปที่โรงงานผลิต Valmet Automotive.ในฟินแลนด์ เพิ่มเติมจากโรงงานที่.Zuffenhausen

          บ็อกซเตอร์ (Boxster) เปิดประทุนมีทั้งหมด 4 รุ่นนั่นคือ บ็อกซเตอร์ (Boxster) บ็อกซเตอร์ เอส (Boxster S) บ็อกซเตอร์ เอส แบล๊ค อิดิชั่น (Boxster S Black Edition) และบ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxster Spyder) ส่วนเคย์แมนมี 4 รุ่นเช่นเดียวกัน เคย์แมน (Cayman) เคย์แมน เอส (Cayman S) เคย์แมน เอส แบล๊ค อิดิชั่น (Cayman S Black Edition) และเคย์แมน อาร์ คูเป้ (Cayman R Coupe) สำหรับสมรรถนะของเครื่องยนต์ 2 รุ่นนั้นมีความหลากหลายระหว่าง 255 แรงม้า (188 กิโลวัตต์) และ 330 แรงม้า (243 กิโลวัตต์) อีกทั้งอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นมีอัตราอยู่ระหว่าง 9.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และ 9.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรเท่านั้น นั่นคือผลจากแนวคิด Porsche Intelligent Performance นั่นเอง



ขอบคุณ : posttoday

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์