หมอนที่ดีที่สุดต้องช่วยให้ทั้งกล้ามเนื้อและจิตใจได้ผ่อนคลาย
เพื่อการนอนที่ดี จึงควรเลือกไส้หมอนที่เป็นวัตถุดิบธรรมชาติและถ้าเป็นไปได้ให้เลือกแบบชีวภาพ (organic)
ควรหลีกเลี่ยงหมอนที่ยัดไส้สังเคราะห์ต่างๆ เช่น โพลิเอสเตอร์ เพราะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย
Special features of different types of pillows.
หมอนขนเป็ด หรือ ขนห่าน duck down pillows and goose down pillows
หมอนชนิดนี้ทำให้เกิดความสบาย เพราะนุ่มที่สุดจึงเหมาะกับคนที่ชอบนอนคว่ำ เพราะสามารถคลายความตึงที่คอและแผ่นหลังได้
ข้อเสีย : ไรฝุ่นจากขนเป็ด – ขนห่านอาจทำให้เกิดการแพ้ได้ ดังนั้นควรเลือกแบบที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
ขนนก
หมอนไส้ขนนกมีความแน่นมากกว่าหมอนขนเป็ด แต่มีราคาถูกกว่า ขนนกมีขนาดเล็กและเป็นปุยนุ่มเหมาะมากสำหรับเป็นไส้หมอน เนื่องจากจะไม่มีขนแทงผ่านผ้าขึ้นมาทำให้เกิดความระคายเคือง นอกจากนี้ยังสามารถระบายอากาศและความชื้นได้ดี
หมอนขนแกะ
หมอนขนแกะจะมีเนื้อแน่นกว่าหมอนที่ทำจากใยธรรมชาติอื่นๆ หมอนชนิดนี้มักจะมีความหนา จึงทำให้คนที่ชอบนอนตะแคงหรือคนที่ชอบหนุนหมอนสูงรู้สึกสบาย อีกทั้งยังระบายอากาศได้ดี ขนแกะไม่เป็นที่สะสมของไรฝุ่น จึงเป็นหมอนในฝันของคนที่ไวต่อไรฝุ่น
ข้อด้อย : ไม่แนะนำสำหรับคนที่แพ้สาร lanolin เป็นสารซึ่งอยู่ในน้ำมันหล่อเลี้ยงขนแกะ เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้
หมอนผ้าฝ้าย
หมอนที่ยัดด้วยใยฝ้ายจะเป็นหมอนที่มีความนุ่มปานกลางจึงเหมาะกับคนที่ชอบนอนในท่านอนหงาย เนื่องจากหมอนยัดใยฝ้ายทำความสะอาดง่ายและแห้งเร็ว จึงไม่ค่อยมีเชื้อราหรือแบคทีเรียสะสม หมอนชนิดนี้จึงดีสำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้เช่นกัน
ข้อด้อย : หมอนที่ยัดด้วยใยฝ้ายนั้นมักจะยุบตัวเร็ว
หมอนยางพารา
เป็นหมอนที่ช่วยพยุงคอ บ่า และกระดูกสันหลังส่วนบนได้ดี เพราะความนุ่มของหมอนสามารถช่วยกระจายน้ำหนักศีรษะและร่างกายส่วนบนอย่างเหมาะสมจึงสามารถลดแรงกดตามจุดต่างๆ
หมอนชนิดนี้ไม่เป็นที่อยู่อาศัยของไรฝุ่นและเชื้อรา ดีต่อคนที่เป็นโรคหืดและภูมิแพ้
ข้อด้อย : อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ในคนที่แพ้ยางพารา
เนื่องจากหมอนมีอยู่มากมายหลายชนิด ดังนั้นคุณควรเลือกชนิดของหมอนให้เหมาะสมกับลักษณะการนอนและสุขภาพของคุณฟัง