ไวรัสตับอักเสบ เพชฌฆาตเงียบในตัวคุณ
ใครรู้บ้างว่า วันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นวัน "ตับอักเสบโลก" ครั้งแรกในโลก !!
ทั้งนี้ ที่ประชุมองค์การอนามัยโลกได้มีมติเมื่อเดือนพฤษภาคม 2533 กำหนดให้ทุกวันที่ 28 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันตับอักเสบโลก เช่นเดียวกับวันโรคหัวใจ หรือวันงดสูบบุหรี่ ที่มีต่อเนื่องกันทุกปี
เพื่อแสดงถึงความสำคัญของ "ตับ" ซึ่งเป็นอวัยวะในร่างกายเพียงหนึ่งเดียว เช่นเดียวกับ "หัวใจ" ที่มีเพียงหนึ่งเดียวเช่นกัน
สำหรับประเทศไทยแล้ว ตับอักเสบ ถือเป็นภัยเงียบที่คุกคามชีวิตของประชาชนชาวไทยได้อย่างที่หลายคนไม่รู้ตัว
รศ.น.พ.ธีระ พิรัชวิสุทธิ์ นายกสมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย และ
ผู้อำนวยการสถาบันโรคทางเดินอาหารและตับ เล่าถึงสถานการณ์ของโรคว่า ตับอักเสบ คือภาวะที่มีการอักเสบของเซลล์ตับ ซึ่งบ่อยครั้งมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสเอ บี ซี ดี และอี
ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรค คือตับอักเสบเรื้อรังเกิน 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งอาจจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ หรือการกระตุ้นด้วยปัจจัยต่าง ๆ เช่น ดื่มสุรา ทานยา หรือมีไขมันสะสมในตับ โดยเซลล์ตับถูกทำลายต่อเนื่อง จะเกิดพังผืดขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของตับแข็ง และเป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับ ตับวาย
จากข้อมูลขององค์กรอนามัยโลกระบุว่า ประชากร 1 ใน 12 คน มีผลกระทบต่อไวรัสตับอักเสบ โดยจำนวนประชากรโลกในปัจจุบัน 6,000 ล้านคน มี 300-400 ล้านคน ที่ติดเชื้อตับอักเสบเรื้อรัง และในจำนวนนี้ 25-40% หรือประมาณ 160 ล้านคน ติดไวรัสตับอักเสบมาตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งจะมีผลให้ตายจากโรคตับแข็ง และมะเร็งตับได้
สำหรับเอเชีย-แปซิฟิกแล้ว มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงถึง 250 ล้านคน เนื่องจากประชากรในประเทศจีนและอินเดีย มีจำนวนผู้ป่วยสูงที่สุดถึง 120 ล้านคน โดยมีไวรับตับอักเสบบีและซี ที่มีผลกระทบกับภูมิภาคนี้มากที่สุด
ในส่วนของเมืองไทย มีประชากร 67 ล้านคน 4.5 ล้านคน เป็นตับอักเสบเรื้อรัง โดยมีสาเหตุจากไวรัสบี ประมาณ 3.5 ล้านคน และไวรัสซี ประมาณ 1 ล้านคน
ผู้ป่วยจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องมาน มีน้ำในช่องท้องเยอะ มีอาการซึม และอาการทางสมอง ทำให้หลับบ่อย และยังมีเส้นเลือดดำในกระเพาะอาหารโป่งพอง ถ้าเส้นเลือดแตก ก็ทำให้เลือดออกในกระเพาะได้ สุดท้ายก็คือมะเร็งตับ
สำหรับผู้ป่วยชาวไทยนั้น ปัจจุบันมีคนไข้กว่า 6 หมื่นคนต่อปี ต้องตายจากมะเร็งตับ ซึ่งถือเป็นโรคอันดับหนึ่งของสาเหตุการตายจากโรคมะเร็งในชายไทย ส่วนผู้หญิงนั้นอยู่ในอันดับที่ 2-3
โดยผู้ป่วยจะมีคุณภาพชีวิตที่แย่มาก มีน้ำในท้อง ทำให้ท้องโต อาเจียนเป็นเลือด เข้าออกโรงพยาบาลบ่อย เป็นภาระของครอบครัว และค่าใช้จ่ายที่
สูญเสียไป นั่นแสดงให้เห็นว่า โรคตับอักเสบ ทำลายคุณภาพชีวิตได้เช่นเดียวกับโรคร้ายแรงอื่น ๆ
ดังนั้นทางสมาคมจึงพยายามกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับตับอักเสบมากขึ้น โดยเฉพาะในเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยมาก แต่ยังขาดความตระหนักและความเข้าใจในเรื่องของโรค และคนไข้
ส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อจะไม่ค่อยมีอาการ จึงไม่มีการตรวจรักษา ปล่อยให้โรคดำเนินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นตับแข็งและมะเร็งตับในที่สุด นอกจากนั้นยังกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อในชุมชนโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย
"ผู้ติดเชื้อกว่า 70% จะไม่มีอาการของโรค แต่อาจจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ช่วงบ่ายจะไม่ค่อยมีสมาธิ หรือง่วงนอน โรคนี้จะแสดงอาการต่อเมื่อเป็นมากแล้ว และเมื่อตรวจวินิจฉัยว่าป่วยเป็นมะเร็งตับ ส่วนใหญ่จะรักษาไม่ได้ ถ้าเป็นแล้วจะอยู่รอดได้ไม่เกิน 4-6 เดือนเท่านั้น"
สิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันจากโรคนี้ คือการตรวจร่างกายอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งการฉีดวัคซีนในเด็ก ซึ่งช่วยป้องกันได้ถึง 90% รวมทั้งหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ
นี่คืออีกหนึ่งภัยเงียบ...ที่กำลังคุกคามชีวิตโดยไม่รู้ตัว...
ในวันตับอักเสบโลก 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา กลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคไวรัสตับอักเสบได้เริ่มกระตุ้นให้รัฐบาลและประชาชนภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกได้ตระหนักถึงภัยร้ายแรงของภาวะตับอักเสบ โดยมีการก่อตั้งกลุ่มเฉพาะขึ้นมา เรียกว่า "พันธมิตรเพื่อกำจัดโรคไวรัสตับอักเสบในภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก" หรือ CEVHAP (Coalition to Eradicate Viral Hepatitis in Asia Pacific) เมื่อเดือนตุลาคม 2553 โดยมีแพทย์
ผู้เชี่ยวชาญโรคตับอักเสบและไวรัสวิทยาที่มีชื่อเสียงของโลกมารวมตัวกัน เพื่อนำเสนอปัญหาที่องค์กรต่าง ๆ ขาดการรับรู้และความ
ตั้งใจด้านนโยบายที่จะจัดการแก้ปัญหาโรคไวรัสตับอักเสบต่อไป